เหมือนปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ไม่เป็นใจ เริ่มจากกำไร 3Q67 ที่ ประกาศออกมาแล้วบางส่วนพบว่าต่ำกว่าคาดถึง 22% และเมื่อนำไป ประกอบกับ มาตรการกระตุ้นเศรษกิจจีนที่ไม่เป็นไปอย่างที่นักลงทุน คาดหวัง รวมถึงการกลับมาของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่งมีแนวทางชัดเจนในเรื่อง การกีดกันการค้ากับหลายประเทศ เป็นไปได้ที่จะนำไปสู่การปรับลด ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในบ้านเราอีกครั้งหนึ่ง สำหรับทิศทาง ของ FUND FLOW ดูเหมือนว่ายังอ่อนแรง โดยนักลงทุนต่างชาติยังขาย สุทธิต่อ ขณะที่แรงรับจากนักลงทุนสถาบันในบ้านเราก็อ่อนแรงลงจนใน บางวันกลายเป็นขายสุทธิ สภาวะแวดล้อมดังกล่าวเป็นแรงกดดันต่อ SET INDEX สำหรับ INVETMENT THEME ให้น้ำหนักไปที่หุ้น HIGH SEASON อย่าง ท่องเที่ยว, MEDIA, อาหาร,การแพทย์ ภาพรวมของปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ มีน้ำหนักไปในทางสร้างแรง กดดันต่อ SET INDEX ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1455 – 1473 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BCP, CBG และ MASTER
แรงส่งจากปัจจัยภายนอกดูแผ่วลง การเดินหน้านโยบายของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงไป ถือเป็นปัจจัย สำคัญที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก และอาจเป็นความเสี่ยงน่าจับตา เริ่มจากสหรัฐฯ ในประเด็น “ปัญหาภาวะโลกร้อนเสี่ยงรุนแรงขึ้น” หลังนโยบายของ TRUMP ว่าที่ ปธน. สหรัฐฯ คนใหม่ ไม่เน้นสนับสนุนพลังงานสะอาด โดยล่าสุดเมื่อ 8 พ.ย. 67 ตามเวลาท้องถิ่นนิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์ เตรียมการออกคำสั่งฝ่ายบริหาร และคำประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีสลดขนาด พื้นที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติเพื่อเปิดทางให้กับการขุดเจาะน้ำมันและทำเหมือง ขณะที่การประชุม COP29 สร้างความหวาดหวั่นว่าไม่น่าได้ข้อตกลงเป็นชิ้นเป็นอัน และเพิ่มแรงกดดันให้ยุโรปและจีน รับบทผู้นำควบคุมโลกร้อนให้คืบหน้ายิ่งขึ้น การคำนึงถึงปัญหาภาวะโลกร้อนที่ลดลง อาจกดดันหุ้นกลุ่มอิง THAILAND ESG อาทิ GUDF GPSC BGRIM BANOU BCP CKP PTT (BK:PTT) เป็นต้น
ขณะที่จีน ยังมี “ความกังวลเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” แม้ล่าสุด 8 พ.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนจะประกาศมาตรการ REFINANCE หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น (LOCAL GOVT DEBT) วงเงิน 10 ล้านล้านหยวน เพื่อให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกพันธบัตรพิเศษ เพิ่มเติม แต่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวน้อยเกินกว่าที่ตลาดคาด ทำให้เกิด ความผิดหวัง กดดันตลาดหุ้นจีนเช้านี้ร่วงลงต่อเนื่อง โดย HSI -2% นอกจากนี้ในมุมตัวเลขเศรษฐกิจ ด้านเงินเฟ้อจีนเดือน ต.ค. 67 ขยายตัวแค่ +0.3%YOY ต่ำกว่าตลาดคาด สะท้อนภาคการบริโภคจีนยังน่าเป็นห่วง และอาจ กดดันต่อ DEMAND โลก ได้
ประเด็นข้างต้นอาจกดดันหุ้นกลุ่มอิง CHINA PLAY เสี่ยงผันผวนแรงในช่วงนี้ อาทิ SCGP IVL PTTGC NER STA AOR ERW HANA KCE เป็นต้น
ปัจจัยในประเทศยังไม่สนับสนุน FLOW ซื้อสุทธิมากนัก หลังจากที่ปัจจัยภายนอกดูไม่สดใส (รายละเอียดในหัวข้อก่อนหน้านี้) ปัจจัยในประเทศ ก็ไม่ได้หนุนให้FLOW ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากนัก โดยประเด็นแรก คือ วันศุกร์ที่ผ่าน มา “ฟิตซ์ เรตติ้ง” คงอันดับ CREDIT RATING ของไทยไว้ที่ BBB+ STABLE โดยมอง ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตจาก 2.6% ในปี 2567 และ 3.1% ในปี 2568 และคาดว่าปี 2568 นักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนช่วงโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็น ปัจจัยที่ไม่ได้ SURPRISE ตลาดฯมากนัก ส่วนอีก 1 ปัจจัย คือ การคัดเลือกประธานบอร์ดแบงค์ชาติในวันนี้ ซึ่งได้เลื่อนมาจาก กำหนดเดิมในวันที่ 4 พ.ย.67โดยมีอยู่ 3 ท่านที่เป็นแคนดิเดต(1 คนจากคลัง ,2 คนจาก ธปท.)ซึ่งต้องติดตามว่าวันนี้จะรู้ผลลัพธ์ว่าเป็นท่านใด หรือจะมีการเลื่อนการคัดเลือก อีกรอบหรือไม่ เนื่องจากมีการนัดชุมนุม ของกลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หน้า ตึก ธปท.เช้านี
ประเด็นดังกล่าวที่ไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนมากนัก และยังมีความไม่แน่นอนของผลลัพธ์จึง ทำให้ค่าเงินบาทยังทยอยอ่อนค่า และหนุนให้ต่างชาติ-สถาบันฯ สลับมาขายสุทธิหุ้น ไทยทั้งคู่ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ราว 1.5 พันล้านบาท และ 1.2 พันล้านบาท ตามลำดับ (โดยปกติแล้วหากต่างชาติและสถาบันฯขายสุทธิหุ้นไทยทั้งคู่ จะกดดัน SET INDEX ให้ วันนั้นๆดัชนีปิดตัวลบเสมอ) ฝ่ายวิจัยฯ จึงคาดว่า SET INDEX วันนี้มีโอกาสผันผวน และอาจทดสอบแนวรับของวันที่ระดับ 1455 จุดได้
SET ยังถูกกดดันต่อ จากแนวโน้มกำไร 3Q67 ที่ชะลอ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา งบ 3Q67 รายงานออกมา ส่วนใหญ่ยังคงต่ำกว่า BLOOMBERG CONSENSUS คาด ตามภาพทางด้านล่าง และมีเพียง 2 บริษัทที่กำไรสูงกว่าคาด คือ RCL, SAV
ส่งผลให้กำไรบริษัทจดทะเบียน 3Q67 ประกาศออกมาแล้ว 167 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน MARKET CAP 49%) มีกำไรสุทธิ 9.9 หมื่นล้านบาท (ลดลง -34% QOQ, ลดลง - 33% YOY) และยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดถึง 23%
นอกจากนี้จะสังเกตได้ว่า หุ้นที่ประกาศงบ 3Q67 ออกมาแล้วต่ำกว่าตลาดคาด มักจะ ทรงๆ ตัว ไปจนถึงย่อตัวลงแรงในวันถัดมา
ดังนั้นกำไรงวด 3Q67 ที่มีแนวโน้มลดลง QOQ, YOY และยังต่ำคาดมาก น่าจะกดดัน ตลาดหุ้นให้ผันผวนในช่วงของการรายงานงบ 3Q67 ถึงกลางๆ เดือนนี้ และน่าจะ นำไปสู่การปรับประมาณกำไรตลาดปีนี้และปีหน้าลดลงอีกได้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities