Eventful week
• World: คาดการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวผันผวนขึ้นในสัปดาห์นี้ สอีกครั้ง ต้อนรับ เหตุการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่ล่าสุดกลับมามีความคู่ สะท้อนจากผลสารวจและความน่าจะเป็นในตลาดล่าสุด ทั้งใน ส่วนของการ ง ย าแหน่งประธานาธิบดีเอง และการ งเสียงข้างมากใน สภา Congress (รูปที่ 1 & 2) ตราบใดที่ยังเป็นภาพเช่นนี้ เชื่อว่าราคา สินทรัพย์ต่างๆ โอกาส Swing รุนแรงได้ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ยิ่งเราน่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนได้ในช่วงวันที่ 7 พ.ย.ตามเวลาบ้านเรา
• SET: ด้วยความผันผวนของตัวแปรต่างๆที่จะเกิดขึ้น ท่าให้เราคาดการณ์ การแกว่งตัวในกรอบกว้างของ SET Index สัปดาห์ ที่ 1440-1490 จุด ล่าสุดมีสัญญาณบวกเล็กน้อยจากเงิน USD ที่ปรับอ่อนค่าลงมา จนทําให้เงินบาทตั้งตัวได้อีกครั้ง ภายหลังจากเมื่อคืนวันศุกร์ สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดเป็นอย่างมาก โดย การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ค่าแหน่ง เทียบกับที ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 ค่าแหน่ง ในเชิงกลยุทธ์ แนะน่าถือครอง หนในส่วนเติมต่อไป ซึ่ง Top pick ของเราประจําไตรมาส 4 ยังคงได่แก่ AP, COM7, HMPRO, ERW, ICHI, SAWAD, AEONTS, KTC, DIF, CPNREIT
• Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้นอกเหนือจากการเลือกตั้ง สหรัฐฯ ได้แก่
1) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 6-7 พ.ย. (ทราบผลคืน วันที่ 7 ตามเวลาบ้านเรา) ซึ่งคาดว่า Fed จะมีมติลดดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ลงมาสู่ระดับ 4.50-4.75%
2) การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งคาดว่า BoE จะมีมติลดดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ลงมาสระดับ 4.75%
• Our view on U.S. election: สําหรับมุมมองของเราต่อการเลือกตั้ง สหรัฐฯ กําาลังจะเกิด นในวันที่ 5 พ.ย. มีดังนี้
1) ประเมินกรณีเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯคือกรณีที่นาย Donald Trump คว้าชัย นค่ารงตาแหน่งประธานาธิบดี พร้อมกับ Divided government เนื่องจากพอจะคาดหวังการต่ออายุมาตรการการลดภาษีต่างๆใน ประเทศออกไปได้ ไม่นับรวมกับเม็ดเงินที่อาจจะออกจากตลาดหุ้นเกิด ใหม่กลับไปยังตลาดหุ้นสหรัฐมากขึ้น จากความกังวลทางด้านสงคราม การค้าเป็นสําคัญ
2) ส่วนกรณีที่น่าจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่มากที่สุดมองไปยัง การดารงค่าแหน่งประธานาธิบดีของนาง Kamala Harris พร้อมกับ Divided Government เนี่องจาก แนวคิดปรับ นภาษีภาคธุรกิจและคน รวยในประเทศ อาจน่ามาสู่การโยกย้ายเม็ดเงินออกจากตลาดหุ้น สหรัฐฯกลับมายังตลาดหุ้นเกิดใหม่อีกครั้ง ไม่นับรวมกับความเข้มข้น ของสงครามการค้า น่าจะเบากว่าในกรณีนี้
3) ในกรณีที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นเนื่องจากมองว่าตลาดจะตีความเชิงลบ ได้นั่นก็คือกรณี Sweep ทั้ง Red sweep และ Blue sweep เนืองจาก จะเป็นการให้อ่านาจแบบเบ็ดเสร็จกับพรรคใดพรรคหนึ่งจนอาจทําให้ กฎหมายที่สุดโด่งต่างๆ ถูกผลักดันออกมาได้โดยง่าย อย่างเช่น นโยบายการยืนภาษีน่าเข้าของ Donald trump หรือการไม่ต่ออายุ กฎหมายการลดภาษี Corporate tax ของนาง Kamala Harris เป็นต้น ในกรณีของการ Sweep นี้ เชื่อว่าไม่ว่าใครจะมา ารงตาแหน่งป ธน. ตาม จะมีแนวคิดเร่งการใช้จ่ายภาครัฐในระดับที่มหาศาล จนทาให้เกิดภาวะ Bond shock ในตลาดเกิดขึ้นไ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities