Politics could set a stage / Stimulus in preview
• SET: คาด SET Index แกว่งทรงตัวในกรอบ 1460-1510 จุดในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยที่น่าจับตาได้แก่แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศที่ เมื่อวันศุกร์ลดหลั่นลงมามีสัดส่วนเหลือเพียง 7.6% ในตลาด ด่าสุด นับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. โดยปัจจัยที่ Sensitive สําหรับนักลงทุนกลุ่มนี้อาจ เป็นเรื่องปัจจัยการเมือง ที่ล่าสุดกกต.สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณียุบ พรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ถือเป็นพัฒนาการทางการเมือง ที่อาจเข้มข้นมากขึ้นในช่วงถัดไป ซึ่งหากลุกลามไปในทิศทางที่ไม่ดี อาจ ต้องระวังความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อาจจะกลับมาถูกกระทบอีกครั้งได้ ส่วน ผลกระทบต่อตลาดหุ้นในเบื้องต้นอาจยังไม่มาก แต่อาจต้องระวังหุ้นใน กลุ่มที่ขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ เนื่องจากอาจเป็นเป้าหมายของการขายล็อค ทําก่าไรในระยะสั้น เช่น ADVANC, INTUCH, GULF เป็นต้น
• China: สําหรับปัจจัยต่างประเทศที่เกิดขึ้นล่าสุดเช้าวันนี้ ได้แก่ การที่ ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีทั้งระยะ 1 ปี หลังจากเมื่อ และ 5 ปีอย่างละ 0.25% ซึ่งถือเป็นการปรับลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ไว้ที่ 0.20% มองเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้นจีนต่อเนื่อง วันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมและตัวเลขยอดค้าปลีก ต่างออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณไว้ด้วยเช่นกัน
• Stimulus: นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะมีการประชุมในช่วงปลายเดือน ต.ค.ถึงต้นเดือน พ.ย. โดยจะมีการหารือรายละเอียดโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 2 นอกจากนั้น มาตรการอื่นๆที่เตรียมเสนอให้คณะกรรมการ พิจารณาคือ มาตรการเที่ยวไทยไปต่อ โดยหลักการจะให้น่ารายจ่ายจาก การท่องเที่ยว จัดประชุม สัมมนา ในพื้นที่ประสบอุทกภัย มาหักลดหย่อน ภาษีได้ เป็นต้น รวมถึงจะมีการเสนอมาตรการภาษีสําหรับการซ่อมแซมที่ อยู่อาศัย และยานพาหนะ ค่าซื้อวัสดุอุปกรณ์ โดยให้นําค่าใช้จ่ายมาหัก ลดหย่อนภาษีได้
• Our take: เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ว่า ก่อนจะถึงสิ้นปีนี้ คาดว่าจะเห็น Series ของมาตรการภาครัฐออกมาอีกต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากโครงการ Digital Wallet เฟส 2 แล้ว รูปแบบที่หาได้ง่ายก็คือการน่าวงเงินค่าใช้จ่าย ต่างๆมาเป็นวงเงินในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ จากค่า สัมภาษณ์ของรมช.คลังที่ออกมา ทําให้เราอาจพอสรุปได้ว่ามาตรการที่ เร่งด่วน น่าจะมีการมุ่งเน้นไปยังการกระตุ้นการใช้จ่าย 3 ด้านดังต่อไปนี้
1) มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ประสบอุทกภัย มองกลุ่มหุ้นที่จะ ได้ประโยชน์ได้แก่ กลุ่มโรงแรมในประเทศ เช่น ERW กลุ่มสายการบิน ในประเทศ เช่น AAV และกลุ่มสถานีบริการน้ามัน เช่น OR, PTG
2) มาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับ ผลกระทบจากเหตุการณ์นํ้าท่วม มองกลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์ได้แก่ กลุ่ม Home improvement เช่น HMPRO. GLOBAL, DOHOME และกลุ่มวัสดุก่อสร้างเช่น DCC, DRT, TOA
3) มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย อขายสินค้าทั่วไปในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า คล้ายๆกับโครงการช้อปดีมีคืนและ Easy E-receipt เดิม มองกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่กลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะ Modern trade อย่าง CPAXT, BJC และกลุ่ม Consumer discretionary เช่น COM7 เป็นต้น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities