กนง. มีมติ 5:2 ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25%ซึ่งถือ เป็น SURPRISE ทางบวก หนุนให้SET INDEX วานนี้ปรับขึ้นแรง ทั้งนี้ใน เชิงกลไกการปรับลดดอกเบี้ยทำให้MARKET EARNING YIELD GAP (MEYG) ของตลาดหุ้นบ้านเรากว้างขึ้น เป็นแรงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ ตลาดหุ้น ส่วนในทาง VALUATION เราคงเป้า MEYG ไว้ที่ 3.8% แต่การ ปรับลดดอกเบี้ยทำให้เป้าหมาย SET INDEX สิ้นปีอยู่ที่ 1510 จุด สำหรับ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยมีหลากหลาย เช่น กลุ่มอสังหาฯ, กลุ่ม FINANCE , กลุ่มค้าปลีก , กลุ่มที่มีภาระหนี้สูง อย่างโรงแรม เป็นต้น ส่วนผลกระทบในเชิงของอัตราแลกเปลี่ยน เชื่อว่า การลดดอกเบี้ยรอบนี้ไม่น่าจะทำให้เงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากมองไป ข้างหน้าแล้ว การลดดอกเบี้ยของFED น่าจะเร็วกว่าของบ้านเรามาก เชื่อว่า SET INDEX ยังมีMOMENTUM ในการเหวี่ยงขึ้น จากผลของการ ปรับลดดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมาย วันนี้คาดกรอบ 1472 – 1500 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, CPAXT และ WHA
กนง. เซอร์ไพร์ส ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี 5 เดือน วานนี้ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.25% โดยกรรมการ ส่วนใหญ่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หวังช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่ เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ (การก่อหนี้ใหม่ที่ เพิ่มขึ้นไม่เสี่ยงกระทบต่อภาพรวมอย่างมีนัยฯ) ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้ม ขยายตัวชะลอลง (หนี้เก่ามีแนวโน้มลดลง) ทั้งนี้ กนง. ประเมินประโยชน์ที่จะได้รับ (BENEFIT) คาดว่าจะมากกว่าต้นทุนที่เสียไป (COST)
นอกจากนี้ กนง. ยังมีการปรับคาดการณ์ GDP GROWTH ไทยปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 2.7% (เดิมคาด 2.6%) ประเมิน 2H67 เติบโตเด่นราว 3.5% โดยมีแรงหนุนหลักๆ มา จากการบริโภคภาคเอกชน (C), การใช้จ่ายภาครัฐ (G), การส่งออก (EX) ซึ่ง เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น ค่อนข้างสอดรับกับความคาดหมายของรัฐบาล ที่ พยายามเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ผ่านนโยบายต่างๆ อาทิ โครงการ แจกเงิน 10,000 บาท, แผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว เป็นต้น
สรุป นโยบายการเงิน-การคลัง ที่กลับมาสอดคล้องกัน ช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นนัก ลงทุน และตามกลไกการลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง จะช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อ-ขาย พร้อม กับเพิ่มดัชนีเป้าหมาย SET INDEX ปลายปี จาก 1450 เป็น 1510 จุด ขณะที่ TARGET SET ปี 2568 อยู่ในช่วง1633 จุด – 1700 จุด
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้นรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง : MTC SAWAD TIDLOR หุ้นปันผล สูง : AP SIRI LH ADVANC และหุ้นกลุ่ม DOMESTIC PLAY : CPALL (BK:CPALL) BJC CENTEL CK
ROADMAP การปรับลดอกเบี้ยนโยบายของประเทศพัฒนาแล้ว หนุนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น วัฏจักรดอกเบี้ยโลกมีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ ท่ามกลางทิศทางเงินเฟ้อที่มีแนวโน้ม เป็นไปตามคาดการณ์ของธนาคารกลางต่างๆ นำโดยการปรับลดดอกเบี้ยของ ECB - 0.5% (2 ครั้ง) BOE -0.25% (1 ครั้ง) และ FED -0.5% (1 ครั้ง) นอกจากนี้กลุ่ม TIP ทั้ง อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ต่างเริ่มปรับลดดอกเบี้ย -0.25% (1 ครั้ง) ขณะที่คืนนี้จับตา ECB มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง0.25% สู่ระดับ 3.25%
ึ่งระยะถัดไป นักลงทุนยังคาดหมายว่ากลุ่ม DM จะยังคงเดินหน้าผ่อนคลายนโยบาย การเงินต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดย BLOOMBERG ประเมิน ทิศทางดอกเบี้ยปลายปี 2568 ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.5%, ยุโรป อยู่ที่ 2.0%, อังกฤษ อยู่ ที่ 3.75% ส่วนของไทยคาดอยู่ที่ 2.0%
ประเด็นดังกล่าว ทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง โดยฝ่ายวิจัยฯนำ ข้อมูลในอดีตมาศึกษา พบว่าช่วงที่ “FED ลดดอกเบี้ย” สวนทาง “กนง. คงดอกเบี้ย” มักหนุนเงินบาทแข็งค่า
• ปี 2001 (6 เดือน) FED ลดดอกเบี้ยจาก 4.0% สู่ระดับ 2.0% ส่วน กนง. คง ดอกเบี้ย 2.5% เงินบาท แข็งค่าขึ้น 2.3%
• ปี 2007-2008 (8 เดือน) FED ลดดอกเบี้ยจาก 5.25% สู่ระดับ 2.0% ส่วน กนง. คงดอกเบี้ย 3.25% เงินบาท แข็งค่าขึ้น 7.7%
สรุป ดอกเบี้ยโลกเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยในหลายประเทศและตลาดคาดหวังปรับลด อย่างต่อเนื่องในปี 2568 ส่วนดอกเบี้ยไทยมีโอกาสสูงที่ดอกเบี้ยจะไม่ปรับลงแรงมาก นัก ตามมุมมองของ ธปท. จึงทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าได้ในระยะถัดไป อาจช่วยจูงใจให้ FUND FLOW กลับมาไหลเข้า เพราะจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เพิ่มเติม
จบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น หาหุ้นรับเข้าช่วงดอกเบี้ยขาลง ในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น 2 ปี 3 เดือน (ส.ค. 22 – ต.ค. 24) ดอกเบี้ยนโยบายปรับ ขึ้นจาก 0.5% เป็น 2.5% ขณะที่ SET INDEX ถูกกดดันมา และปรับตัวลงมาแล้วกว่า -10% และมีกลุ่มหุ้นที่ถูกกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ย แล้วปรับตัวลงแรงๆ กลุ่มแบกรับ ต้นทุนการเงินสูงขึ้นกดดันอัตรากำไรสุทธิลดลง อย่าง STELL -44%, PETRO - 41%, FIN -39%, CONMAT -35%, AUTO -31%, CONS -28%
การจบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น และเริ่มเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน หาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ดังนี้
1. กลุ่มหุ้นที่มีโอกาสรายได้สูงขึ้น คือ หุ้นโบรกเกอร์ (KGI, MST, FNS), COMM (CPAXT, CPALL, BJC), PROP (AP, SC, SPALI)
2. กลุ่มหุ้นต้นทุนทางการเงินลด ราคา LAGGARD คือ PETRO (IVL, PTTGC), FIN (MTC SAWAD TIDLOR), CONMAT (SCC), CONS (CK STEC)
3. กลุ่มหุ้นปันผลสูง คือ PTT (BK:PTT), TISCO, CPNREIT, DIF, LH
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities