เงินเฟ้อเดือนกันยายนสูงขึ้นสู่ระดับ 0.61% และมีแนวโน้มทยอยสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
- Headline Inflation September 2024
Actual: 0.61% Previous: 0.35%
KTBGM: 0.62% Consensus: 0.78%
-
กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.61% จากราคาน้ำมันดีเซล รวมถึงราคาผักสด ที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 0.77%
- สำหรับไตรมาสที่ 4 กระทรวงพาณิชย์มองว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นจากช่วงไตรมาสที่ 3 ตาม 1) ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) ราคาสินค้าเกษตรที่อาจสูงขึ้นในระยะสั้นตามผลกระทบจากน้ำท่วม 3) ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออาจถูกกดดันจาก 1) ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มต่ำกว่าปีก่อนหน้าพอสมควร 2) ผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาททำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าลดลง และ 3) การจัดโปรโมชั่นของผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ เป็นกรอบ 0.2% ถึง 0.8% (ค่ากลาง 0.5% ตามเดิม)
- อัตราเงินเฟ้อของไทยยังคงมีแนวโน้มเป็นไปตามคาดการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำให้เรายังคงมุมมองเดิมว่า อัตราเงินเฟ้อจะทยอยกลับสู่เป้าหมาย 1%-3% ของ กนง. ได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ทำให้อัตราเงินเฟ้อจะไม่ใช่ประเด็นหลักที่ กนง. กังวลนัก ซึ่งหากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไม่ได้เผชิญปัจจัยกดดันที่ชัดเจน กนง. ก็อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ตลอดทั้งปีนี้ และมีความเป็นไปได้มากขึ้น ที่ กนง. อาจคงอัตราดอกเบี้ย 2.50% ได้นานกว่าที่เราประเมินไว้
กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 0.61% สูงขึ้นจากระดับ 0.35% ในเดือนสิงหาคม หนุนโดยราคาน้ำมันดีเซลที่สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนราคาผักสดก็สูงขึ้นจากผลกระทบน้ำท่วม
-
กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนล่าสุด ลดลง -0.10% จากเดือนก่อนหน้า (เรามอง -0.09%) ตามการลดลงของราคาในหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม -0.36% โดยเฉพาะในส่วนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง (ราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์) -1.98% ส่วนราคาของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน (หมวดเคหสถาน) ก็มีการปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปรับตัวขึ้นราว +0.25% อาทิ ราคาสินค้ากลุ่มข้าว แป้ง +0.40% ราคาเนื้อสัตว์ +0.28% รวมถึงราคาอาหารนอกบ้าน +1.03% ส่วนราคาผลไม้สดและผักสดก็ทยอยปรับตัวลดลงบ้าง ตามการปรับตัวลดลงของราคาทุเรียน มังคุด ถั่วฝักยาว และฟักทอง เป็นต้น
-
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นสู่ระดับ 0.61% จาก 0.35% ในเดือนก่อนหน้า ตามการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม +2.25% โดยเฉพาะผักสด +12.76% ผลไม้สด +6.01% ขณะที่ ราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม กลับลดลง -0.55% ตามการลดลงถึง -4.46% ของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เมื่อหักราคาอาหารสดรวมถึงพลังงานออก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เร่งขึ้นสู่ระดับ 0.77% จากระดับ 0.62% ในเดือนก่อนหน้า
-
กระทรวงพาณิชย์ ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ เป็น 0.2% ถึง 0.8% (ค่ากลาง 0.5% ตามเดิม) ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และอาจมีการปรับเปลี่ยนคาดการณ์ได้ หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อล่าสุด ยังคงสอดคล้องกับคาดการณ์ของ กนง. ทำให้ เราคงมุมมองเดิม ว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ตลอดทั้งปีนี้ และควรเตรียมรับมือโอกาสที่ กนง. อาจคงอัตราดอกเบี้ย 2.50% ได้นานกว่าคาด
- พัฒนาการล่าสุดของอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ทยอยเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เราคงประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยยังมีแนวโน้มทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1%-3% ของ กนง. ได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ตราบใดที่ยังคงเห็น โมเมนตัมของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยราว +0.10%m/m ซึ่งมีความเป็นไปได้พอสมควร เมื่อประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบได้ทยอยปรับตัวสูงขึ้นพอสมควรจากความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ล่าสุด และผลกระทบจากความแปรปรวนของภาวะอากาศยังส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น หากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและพัฒนาการของเศรษฐกิจยังเป็นไปตามที่ กนง. คาดการณ์ไว้ เรายังคงมุมมองเดิมว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ในปีนี้
- นอกจากนี้ เราเริ่มเห็นความเสี่ยงที่ กนง. อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ได้นานกว่าคาด (เราประเมินว่า การลดดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า) หากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังเป็นไปตามที่ กนง. ได้ประเมินไว้ อีกทั้งความเสี่ยงด้านลบก็ทยอยลดลงไป โดยเฉพาะ ปัจจัยภายนอก เช่น ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญอาจชะลอตัวลงหนัก เนื่องจากล่าสุด เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงหนัก อย่างที่ตลาด รวมถึงเราเคยกังวลก่อนหน้า อีกทั้ง เศรษฐกิจจีนก็เริ่มมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ล่าสุดได้ผล นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ก็อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราประเมิน โดยมีความเป็นไปได้เช่นกัน ว่า Kamala Harris อาจคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ปิดโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงด้านลบจากสงครามการค้ารอบใหม่ หาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง (base case ของเรา) ซึ่ง Professor Allan Lichtman ได้ประเมินว่า Kamala Harris จะคว้าชัยชนะ (ที่ผ่านมา Professor Lichtman คาดการณ์ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำถึง 9/10 ครั้ง ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 1984) ทั้งนี้ เรามองว่า ควรจับตาความเปลี่ยนแปลงของการสื่อสารจากทาง กนง. อาทิ ถ้อยแถลงของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึง ผลโหวตของที่ประชุม กนง. ที่ควรจะเห็นผลโหวตเห็นชอบให้ลดดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ เมื่อเข้าใกล้การประชุมปลายปี (เหลือการประชุม 16 ตุลาคม และ 18 ธันวาคม) และการสื่อสารของทางธนาคารแห่งประเทศไทยผ่านงานสัมนา Monetary Policy Forum (MPF) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม อนึ่ง เรามองว่า ถ้า กนง. จะลดดอกเบี้ยได้ เร็วที่สุดก็น่าจะเป็นการประชุมเดือนธันวาคม หลังเริ่มปรับโทนการสื่อสารให้ Dovish มากขึ้น ในการประชุมเดือนตุลาคม และย้ำมุมมองดังกล่าวในงาน MPF เดือนตุลาคม
- เนื่องจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังมีโอกาสทยอยสูงขึ้นได้ ทำให้เราคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะลงทุนใน ILB หรือ กองทุน KT-ILF (Krungthai Inflation Linked Fund) ตาม Trade Idea ที่เราได้แนะนำไปแล้วนั้นก็สามารถคงสถานะการลงทุนไว้ได้เพื่อ Let Profits Run อย่างไรก็ดี เรามองว่า ผู้ที่มีการลงทุนในบอนด์ระยะยาว ควรระวังความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวอาจปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงนี้ หลังผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับลดมุมมองต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด
การปฏิเสธความรับผิด:
Disclosures \r\nThese contents have been prepared by Krung Thai Bank (KTB) exclusively for the benefit and internal use of prospective clients in order to indicate, on a preliminary basis, the feasibility of possible transactions. Terms contained in this presentation are intended for discussion purposes only and are subject to a definitive agreement. All information contained in this presentation belongs to KTB and may not be copied, distributed or otherwise disseminated in whole or in part without the written consent of KTB\r\nThese contents have been prepared on the basis of information that is believed to be correct at the time the presentation was prepared, but that may not have been independently verified. KTB make no express or implied warranty as to the accuracy or completeness of any such information.\r\nKTB are not acting as an advisor or agent to any person to whom these contents are directed. Such persons must make their own independent assessment of the contents, should not treat such content as advice relating to legal, accounting, taxation or investment matters and should consult their own advisers.\r\nKTB or its affiliates may act as a principal or agent in any transaction contemplated by this presentation, or any other transaction connected with any such transaction, and may as a result earn brokerage, commission or other income. Nothing in these contents are intended to be, or should be construed as an offer to buy or sell, or invitation to subscribe for, any securities.\r\nNeither KTB nor any of its directors, employees or representatives are to have any liability (including liability to any person by reason of negligence or negligent misstatement) from any statement, opinion, information or matter (express or implied) arising out of, contained in or derived from or any omission from these contents, except liability under statute that cannot be excluded.\r\n© 2019 Krung Thai bank. All right reserved. \r\n
แสดงความคิดเห็น
เราสนับสนุนให้ท่านได้ใช้ช่องทางการแสดงความคิดเห็นนี้เพื่อสื่อสารสัมพันธ์กับผู้ใช้เว็บไซต์อื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนในทัศนคติและสอบถามข้อสงสัยกับผู้เขียนและสอบถามซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามเพื่อให้การสื่อสารสัมพันธ์นี้เป็นไปอย่างเรียบร้อยที่เราทุกคนต้องการและคาดหวังดังนี้กรุณาพึงระลึกในข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้:
ผู้ที่โพสต์เนื้อหาข้อความสแปมหรือใช้เว็บไซต์นี้ไปในทางผิดจะถูกลบรายชื่อทิ้งจากเว็บไซต์และถูกปิดกั้นการลงทะเบียนเป็นสมาชิกในอนาคตซึ่งเป็นไปตามดุลพินิจของเว็บไซต์ Investing.com