Economic Highlight
ควรรอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด, ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims)
**ราคาทองคำ = Spot Gold price (XAUUSD)
FX Highlight
- สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่คาด ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่าเฟดยังมีโอกาสเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน พร้อมกันนั้น โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำและแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
- เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลง (เราจะมั่นใจมากขึ้น หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าเหนือระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน) โดยเฉพาะในกรณีที่เฟดไม่ได้เร่งลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวัง อีกทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (Dot Plot) ก็ไม่ได้สะท้อนแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ย
- โดยในกรณีที่เราประเมินนั้น เงินดอลลาร์อาจรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ
- ทว่า หากเฟดเร่งลดดอกเบี้ยจริง -50bps พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องใกล้เคียงกับที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้บ้าง
- อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาเหตุผลของเฟดต่อการเร่งลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายน เพราะหากเป็นการตัดสินใจจากความกังวลเศรษฐกิจเสี่ยงชะลอตัวลงหนัก ก็อาจกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินได้
- หากตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) อาจส่งผลกระทบต่อบรรดาสินทรัพย์ฝั่ง EM ตามแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงของผู้เล่นในตลาด ทว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนตราบใดที่ราคาทองคำยังปรับตัวขึ้นได้
- นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจผันผวนไปตามทิศทางสกุลเงินหลักทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งจะขึ้นกับผลการประชุม BOE และ BOJ
- เรากังวลว่า เงินเยนญี่ปุ่นเสี่ยงแข็งค่าขึ้นเร็วและแรงได้ หากผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก (สะท้อนผ่านการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด) หรือ BOJ ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม
- อนึ่ง ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน ออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใสนัก
- นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น เรามองว่า ควรติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทย รวมถึงจับตาการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาทองคำ
- สัญญาณจาก RSI MACD และ Stochastic ใน Time Frame รายวัน สำหรับ USDTHB สะท้อนว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลง และเงินบาทมีความเสี่ยงแข็งค่ามากขึ้น จากสัญญาณของ MACD และ Stochastic ขณะที่ RSI Bullish Divergence ยังคงอยู่ เปิดโอกาสให้เงินบาท อาจแกว่งตัว sideways ได้
- ส่วนสัญญาณจาก Time Frame H1 สะท้อนว่า เงินบาทมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงได้ จาก RSI Bullish Divergence รวมถึงสัญญาณจาก Stochastic และ MACD ในขณะที่ Time Frame H4 สัญญาณจาก RSI และ Stochastic สะท้อนว่า เงินบาทเริ่มมีโอกาสอ่อนค่าลง ทว่า MACD ยังไม่ได้สะท้อนภาพดังกล่าวที่ชัดเจน
- โดยรวมเงินบาทยังมีแนวต้านแรกแถว 33.50-33.65 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซนแนวต้านถัดไปในช่วง 33.85-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวรับแรกนั้นจะอยู่ในช่วง 33.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องก็อาจทดสอบโซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์
Gold Highlight
- ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ สวนทางกับที่เราประเมินไว้ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดอยู่
- ราคาทองคำเสี่ยงผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility ซึ่งจะขึ้นกับ ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ เฟด และพัฒนาการของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
- ราคาทองคำเสี่ยงปรับตัวลดลงหนัก หากเฟดไม่เร่งลดดอกเบี้ยและไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเร่งลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวัง
- ทั้งนี้ ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นบ้าง หากเฟดเร่งลดดอกเบี้ย หรือในกรณีที่ตลาดต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด
- และนอกเหนือจากประเด็นแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลัก เรามองว่า ราคาทองคำต้องการปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ถึงจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะปัจจัยความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครน
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI Stochastic และ MACD Time Frame รายวัน ชี้ว่า โมเมนตัมการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำมีกำลังมากขึ้น แต่ราคาทองคำก็เสี่ยงเข้าสู่โซน RSI Overbought
- ส่วนในภาพTime Frame H1 สัญญาณจากทั้ง RSI Stochastic และ MACD สะท้อนว่า ราคาทองคำเสี่ยงย่อตัวลงบ้าง โดยแนวต้านระยะสั้น คือ แถวจุดสูงสุดใหม่ 2,580-2,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ Time Frame H4 สัญญาณจาก MACD ยังคงสะท้อนแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
- โดยรวม เรายังคงมองว่า ราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบ sideways ในกรอบกว้างหรือเสี่ยงผันผวนสูง โดยมีโซนแนวต้านแถว 2,580-2,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีโซนแนวรับแถว 2,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์