💎 ดูบริษัทต่าง ๆ ที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบันเริ่มต้นเลย

ปรับฐาน แต่ไม่เปลี่ยนแนวโน้ม (ขึ้น)

เผยแพร่ 12/09/2567 09:28
SETI
-

รูปแบบการปรับฐานของ SET INDEX รอบนี้ดูแล้วก็คล้ายๆ กับรอบที่ ปรับขึ้นหลังสภาผู้แทนฯ โหวเลือกนายกฯ เมื่อ 16 ส.ค. โดยปรับขึ้นราว 75-80 จุด หลังจากนั้นพักฐานประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนปรับขึ้นไป ส่วน รอบล่าสุดปรับขึ้นมาราว 85 จุด ก่อนที่จะเริ่มปรับฐาน ซึ่งก็น่าจะกินเวลา ราว 1 สัปดาห์ หรือจบลงในช่วงกลางสัปดาห์หน้า ด้วยรูปแบบที่เห็นทำให้ เรายังเชื่อว่า SET INDEX ยังอยู่ในขาขึ้น ส่วนปัจจัยที่จะขับเคลื่อน SET INDEX ให้ผ่านช่วงปรับฐานคือ การประชุม ครม.นัดแรก 17 ก.ย. และ ประชุม FED 18 ก.ย. ส่วนกระแสที่ยังอยู่ในความในใจได้แก่เรื่องแหล่ง เงินทุนในประเทศที่มีโอกาสไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น ผ่านกองทุนวายุภักษ์ , THAILAND ESG FUND และอาจมีSSF เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่าง เสนอให้กระทรวงการคลังต่ออายุSSF ออกไป ภาพ SET INDEX จนถึงปลายปี เชื่อว่าอยู่ในแนวโน้มขึ้น แต่ระยะสั้นอยู่ ระหว่างการพักฐาน ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน คาดกรอบวันนี้อยู่ที่ 1405 –1427 จุด หุ้น TOP PICK เลือก GPSC, MTC และ STEC

CORE CPI สหรัฐฯสูงกว่าคาด คาด FED รอบนี้ 0.25% หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงก่อนหน้านี้ออกมาไม่สดใส ทั้ง JOBS OPENING, NONFARM-PAYROLL และ INITIAIL JOBLESS CLAIM จึงทำให้ตลาด คาดหวังว่า FED จะดำเนินนโยบายทางการเงินแบบ DOVISH มากขึ้น อย่างไรก็ตาม วานนี้ดัชนี CPI เดือน ส.ค.67 ออกมา +0.2%MOM/+2.5%YOY เท่าคาดการณ์ หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว

อย่างไรก็ตามดัชนี CPI พื้นฐาน (CORE CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน +0.3%MOM/+3.2%YOY สูงกว่าคาดสำหรับ MOM ทำให้ตลาดประเมินว่า FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.67 มากขึ้น โดยล่าสุด FEDWATCH TOOL ของ CME GROUP บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85% ที่ FED จะ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย.67 หลังจากให้น้ำหนัก 66% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องติตตามอย่างใกล้ชิด ว่า FED จะลดดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมเดือนนี้และการคาดการณ์ DOT PLOT จะเปลี่ยนไปมากน้อย เพียงใด ซึ่งหาก FED ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบ DOVISH มากเกินไป อาจหนุนให้ ความกังวลการเกิด RECEESION มีมากขึ้นตามลำดับ

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงเน้นไปที่หุ้นรับ SENTIMENT เชิงบวกจากภาวะ ดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลงชัดเจน ทั้งกลุ่ม ธพ.ขนาดกลาง-เล็ก และกลุ่มเช่าซื้อ อย่าง KKP TISCO BAM TIDLOR MTC SAWAD เป็นต้น

TRUMP & HARRIS ดีเบตครั้งแรก

วานนี้ในการดีเบตกันครั้งแรกระหว่าง TRUMP (REPUBLICAN) & HARRIS (DEMOCRAT) ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย จัดขึ้นก่อนวันเลือกตั้งจริง 56 วัน ได้รับความสน ในอย่างล้นหลามจากทั่วโลก ซึ่งนโยบายหาเสียงสำคัญที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ค่อนข้างมีมุมองที่แตกต่างกัน สรุปดังรายเอียดด้านล่างนี้

ขณะที่นโยบายการเก็บภาษีของทั้ง 2 พรรค สวนทางกันอย่างชัด

• DEMOCRAT  “หาก HARRIS ชนะการเลือกตั้ง” จะเพิ่ม CORPORATE TAX จาก 21% เป็น 28% ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อ EPS GROWTH สหรัฐแต่อาจ หนุน FUND FLOW อาจไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มต่อก็ได้

• REPUBLICAN  “หาก TRUMP ชนะการเลือกตั้ง” จะลด CORPORATE TAX เหลือ 15% ซึ่งมีโอกาสที่ EPS GROWTH จะเพิ่มขึ้นดังเช่นปี 2016- 2017 ช่วงที่ TRUMP ขึ้นเป็น ปธน. สหรัฐฯ สมัยแรก อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บ ภาษีนำเข้าสินค้าในอัตราสูง อาจทำให้ TRADE WAR เสี่ยงรุนแรงขึ้น

สำหรับ THEME การลงทุน POLICY PLAY มักเหวี่ยงไปตามผล POLL สํารวจว่า พรรคใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน โดยล่าสุดคะแนนเสียงความนิยม ของ HARRIS ยังคงนำหน้า TRUMP อยู่ที่ 48.4 ต่อ 47.3 ส่วนมุมข้อมูลสถิติในอดีตของผลตอบแทนตลาดหุ้นหลังวัน DEBATE ชิงเก้าอี้ ปธน. สหรัฐฯ พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค้อนข้างมีความผันผวน เฉพาะอย่างยิ่งช่วง 7 วันหลัง การดีเบต กดดัน S&P500 ร่วงลงเฉลี่ยราว 1.5%

สรุป การเลือตั้งสหรัฐฯ 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ย. นี้ ยังต้องติดตามความ คืบหน้าอยู่เป็นระยะๆ เนื่องจาก THEME การลงทุน POLICY PLAY มักเหวี่ยงไปตาม ผล POLL สํารวจว่าพรรใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน

ROADMAP นโยบายรัฐ, วายุภักษ์เดินหน้าต่อ แม้วานนี้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลง 12 จุด หลังกังวลกองทุนวายุภักษ์สะดุด แต่FUND FLOW ต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ 2.6 พันล้านบาท ขณะเดียวกันกองทุน วายุภักษ์ยังน่าจะเดินหน้าตาม TIMELINE ปกติ หลังกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า การตั้ง กองทุนดังกล่าว อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามสมควร

ส่วนวันที่ 12 ก.ย. 67 นายกฯ เตรียมแถลงนโยบายต่อสภาพ แบ่งออกเป็น 10 นโยบาย หลักๆ ทั้งเรื่องปัญหาหนี้สิน รายได้ ค่าครองชีพ รวมทั้งความมั่นคงและปลอดภัยใน สังคมเป็นหลัก

โดยนโยบายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนโดยตรง มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อหลักๆ(แถบสีเหลือง) 1) การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้ นอกระบบและในระบบที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเช่าซื้ออย่าง MTC SAWAD TIDLOR BAM 3) และ 5) การลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงานและเร่ง ปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน, ค่าโดยสารราคา เดียวตลอดสาย และเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ DIGITAL WALLET ส่วน กลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร / ค้าปลีก / เช่าซื้ออย่าง CPF TU CPALL (BK:CPALL) CRC BJC HMPRO COM7 MTC SAWAD TIDLOR BAM 7) ก า รเ ร่ ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยการสร้าง ENTERTAINMENT COMPLEX ครบวงจร ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มท่องเที่ยว/ การบินอย่าง CENTEL MINT ERW AOT (BK:AOT) AAV BA สรุป กองทุนวายุภักษ์ยังเดินหน้าตาม TIMELINE เดิม พร้อมกับ10 นโยบายเร่งด่วน จาก ครม.ชุดใหม่ คาดหนุนให้ SET ยังเดินหน้าในแดนบวกต่อได้ โดยมีแนวต้านถัดไป บริเวณ 1427 จุด และมีหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ดังรายละเอียดข้างต้น

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย