หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่ตั้ง คณะรัฐมนตรีออกมาวานนี้ กระบวนการต่อไปก็จะเป็นการเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณ และแถลงนโยบาย ต่อรัฐสภา คาดว่าจะเริ่มปฎิบัติหน้าที่ ประชุมครม. ครั้งแรก 17 ก.ย.67 ซึ่ง ด้วยความพร้อมทางการเงินของรัฐบาล ซึ่งมีทั้งงบประมาณปี 2567 ที่มี การจัดทำเพิ่มเติมเข้ามา 1.22 แสนล้านบาท และ งบฯปี 2568 ที่กำลังจะ ผ่านการพิจารณา เชื่อว่าจะเห็นการขับเคลื่อนเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านช่องทางต่างๆ หนุนการเติบโตต่อเศรษฐกิจในช่วง 2H67 ให้โตเป็น ขั้นบันได นอกจากนี้ยังน่าจะเห็นการเดินหน้ากองทุนวายุภักษ์ เบื้องต้นมี การนำเสนอผ่านสื่อว่าจะ เริ่มการขายหน่วยลงทุน 16 ก.ย. 67 หลังจาก นั้นจะเริ่มลงทุน ต.ค.67 และนำหน่วยลงทุนเข้าจดทะเบียนใน SET ภายใน เดือน ต.ค.67 คาดว่าจะเห็นการอัดฉีดเงินเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจ และตลาดหุ้น น่าจะทำ ให้SET INDEX เดินหน้าปรับขึ้นไปต่อ วันนี้มีแนวรับ 1356 จุด แนวต้าน ช่วง 1370-13754 จุด TOP PICK เลือก GPSC, MTC และ SCGP
ตัวเลขเศรษฐกิจชะลอตัว กดดันตลาดคาด FED ลดดอกเบี้ย มากกว่าคาด วานนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่าง การเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของ แรงงาน (JOLTS) ออกมาต่ำคาด และลดลงจากเดือนก่อน 237,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.67 ล้านตำแหน่งใน ก.ค.67 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค.64 โดยตัวเลขดังกล่าว เป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานที่ FED ให้ความสำคัญตัวหนึ่ง ประเด็นดังกล่าว จึงหนุนให้ DOLLAR INDEX อ่อนค่าและ BOND YIELD สหรัฐฯปรับตัวลง
ดังนั้น ตลาดจึงประเมินว่า FED ควรที่จะลดดอกเบี้ยมากกว่าในการประชุมรอบ ก.ย. 67 โดยผลการสำรวจของ FED WATCH TOOL ให้น้ำหนักราว44% ที่คาดว่าจะปรับ ลดดอกเบี้ย 50 BPS. ลงสู่ระดับ 5.00% และทยอยปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย.67 และ ธ.ค.67 อีกครั้งละ 25 BPS. จนคาด ณ สิ้นปีดอกเบี้ยจะอยู่ระดับ 4.50%
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ ก็มีความไม่แข็งแรงเช่นกัน โดยวานนี้ดัชนี PMI ภาค บริการของจีน-ยุโรป-เยอรมนี ประจำเดือน ส.ค.67 ออกมาต่ำคาดทั้งสิ้น โดย รายละเอียด ดังนี้
PMI CAIXIN ภาคบริการของจีน ออกมา 51.6 จุด ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 51.9 จุด PMI ภาคบริการของเยอรมนี ออกมา 51.2 จุด ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 51.4 จุด PMI ภาคบริการของยุโรป ออกมา 52.9 จุด ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 53.3 จุด
ดังนั้น ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน-สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ส่งผลให้เกิดความ วิตกกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะชะลอตัวลงด้วย บวกกับนักลงทุนเชื่อว่าข้อ พิพาทด้านการเมืองในลิเบียอาจยุติลงและจะทำให้ลิเบียกลับมาผลิตน้ำมันได้ตามปกติ อีกครั้ง(รายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ MARKET TALK วานนี้) จึงทำให้ราคา น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงแรงเกือบ 6% ตั้งแต่ต้นเดือน(MTD)
ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงแบ่งเป็น 2 ธีมหลัก ดังนี้
1.หุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบลดลง ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง, ขนส่ง, ผลิตสินค้าอุปโภค/บริโภค อาทิ GPSC GULF SCC TASCO BEM BJC OSP
2.หุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามอัตราดอกเบี้ยลดลง ได้แก่ หุ้นกลุ่มเช่าซื้อ, ธนาคารพาณิชย์ ขนาดเล็ก, อสังหาริมทรัพย์ อาทิ MTC SAWAD TIDLOR KKP TISCO SPALI LH AP ORI
รัฐบาลพร้อมเปย์ หนุน SET & เศรษฐกิจไทยไปต่อ วานนี้ 4 ก.ย. 67 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. “แพทองธาร 1” ลำดับถัดไปจะเป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณ และสุดท้ายจะมีการเรียกประชุมครม.ใหม่ นัดพิเศษ เพื่อขอมตินโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา คาดว่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 10-12 ก.ย.67 ก่อนที่จะเริ่มเดินหน้าทำงานช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2568 วาระที่ 2-3 ซึ่งจะ สิ้นสุดในวันที่ 5 ก.ย. 67 พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าโหวตผ่าน โดยคาดการณ์เสียง สนับสนุนไม่น่าจะต่ำกว่า 320 เสียง (ตามคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาล)
ภาวะดังกล่าวหนุนให้สุญญากาศทางการเมืองหายไป อีกทังรัฐบาลยังตุนงบประมาณ ไว้เต็มมือราว 3.5 แสนล้านบาท พร้อมหนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะถัดไป เดินหน้าต่อ โดยนโยบายที่คาดว่าจะออกมา และเกี่ยวข้องกับตลาดทุนโดยตรง คือ
1. คาดงบประมาณฯ ปี 2567 -68 ผ่านรัฐสภาฉลุยภายในเดือน ก.ย. 67 มอง บวกต่อหุ้น CK STEC TASCO BBL SCC SCCC
2. การปรับเปลี่ยนนโยบาย DIGITAL WALLET โดยเสนอปรับ แจกเงินสดแก่ กลุ่มเปราะบาง-ผู้พิการก่อน 10,000 บาท/ราย ส่วนหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ MTC BAM TIDLOR TU TFG GFPT CPALL (BK:CPALL) CPAXT BJC
3. การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยการขยายความจุสนามบิน สุวรรณภูมิ และการสร้าง ENTERTAINMENT COMPLEX ครบวงจร ส่วนหุ้น ที่คาดได้ประโยชน์ คือ AWC CENTEL MINT ERW CPN AOT (BK:AOT)
4. เดินหน้ากองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง (VAYU1)รายละเอียดตามหัวข้อข้างล่าง
สรุป รัฐบาลใหม่ในเริ่มทำงานช่วงกลาง ก.ย. 67 ซึ่งมาพร้อมกับอาวุธเต็มมือ ตุนเม็ด เงินกว่า 3 แสนล้านบาท หนุนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และเดินหน้านโยบายระยะยาว นอกจากนี้เการปิดกองทุนวายุภักษ์เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทย 1 ต.ค. คาดเม็ดงินทะลัก เข้า SET 1.5 แสนล้านบาท
วายุภักษ์พิทักษ์SET จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ เดือน ก.ย. เริ่มเห็นตัวเลขแรงงานสหรัฐชะลอลง กดตลาดหุ้นโลกพลักกลับมาร่วงลง แรง -2.2%MTD เฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐฯ NASDAQ -3.6%MTD, NIKKEI -4.1% แต่ตลาดหุ้ไทยถือว่าแข็งแกร่งกว่า ตลาดหุ้นโลกมาก +0.5%MTD
หลายๆ ปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่งกว่าหลายตลาดหุ้นในช่วงนี้ ทั้งค่าเงินบาท ที่มีแนวโน้มแข็งค่า การเมืองไทยกลับมาสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง และจากแหล่งข่าวหน้า หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น 05/09/24 บอกว่า มีโอกาสเห็น กองทุนวายุภักษ์ ประเดิมซื้อ 1 ต.ค. เงินทะลักหุ้นไทย 1.5 แสนล้านบาท โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้ หน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง หรือ VAYU1
▪ ระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้นของหน่วยลงทุน 10 ปี
▪ คุ้มครองเงินต้น
▪ ประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ
▪ เปิดกว้างให้มีการลงทุนในหุ้น SMALL & MID CAP ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมี คะแนน ESG สูง (เดิมจำกัดการลงทุนเพียงแค่หุ้นในกลุ่มหุ้นบลูชิพที่อยู่ใน SET50 หรือ SET100 เท่านั้น)
การเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง
▪ 16-20 ก.ย. 67 เปิดขายให้แก่นักลงทุนทั่วไป
▪ 18-20 ก.ย. 67 เปิดขายให้กับนักลงทุนสถาบันฯ
▪ 1 ต.ค. 67 เป็นต้นไป เปิดกองทุนวายุภักษ์จะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทย
▪ 15 ต.ค. 67 หน่วยลงทุน VAYU1 จะเข้าซื้อขายในตลาดฯ
ดังนั้นเม็ดเงิน ช่วง PRE-OPEN จะเข้ามาก่อน คาดเป็นช่วงต้นเดือน ต.ค. และทยอยเข้า มาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ซึ่งคาดหวัง้เม็ดเงินจะขยับขึ้นไปอยู่ระดับ 1.5 แสนล้านบาท เข้ามา ช่วยปกป้องและพยุงตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้ กลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นที่น่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์ โดยคัดกรองจากหุ้น ที่วายุภักษ์ถือเยอะ และมี ESG RATING “AAA” ประโยชน์จาก 2 ประเด็น คือ PTT (BK:PTT), BCP, KTB, ADVANC, SCC, KBANK (BK:KBANK), CRC, CPF, SCGP, OR
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities