จากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวข้างต้น คาด SET Indexวันนี้ น่าจะปรับฐาน จากแรงกดดันของตลาดต่างประเทศ แนวรับอยู่ที่บริเวณ 1345 – 1350 จุด แนวต้าน 1366 จุด Top Pickเลือก BEM, CPALLและ INTUCH
WORLD OF TECHNICAL
• ฐานแนวรับกรอบบนรอบ Sideways Up 1345 จุด รอบนี้การคลายตัวจากภาวะ Overbought มีสัญญาณชัดเจน เช่น MACD, Slow Stochastic หากหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันช่วง 1345-1348 จุดจะยืนยันการกลับลงมาสร้างฐานขา 5 บริเวณ 1300 จุดได้
• แต่หากรอบนี้ขึ้นม้วนเดียวไปที่ 1380-1395 จุดเลย ภาพนี้จะเสี่ยงสูงต่อการถูก Take Profit แรง
DE JAVU … MINI BLACK MONDAY (5 ส.ค.)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนปรับลดลงแรงหลังการประกาศตัวเลข PMI เดือน ส.ค.67 ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งลำดับเหตุการณ์ดูคล้ายๆ กับช่วงที่เกิด MINI BLACK MONDAY เมื่อ 5 ส.ค.67 โดยในรอบนั้นรายงาน PMI ต่ำ กว่าคาด 1 ส.ค. ตามด้วย NONFARM PAYROLL และ UNEMPLOYMENT RATE ที่แย่กว่าคาดในวันที่ 2 ส.ค.(วันศุกร์) หลังจากนั้นเปิดมาวันจันทร์ตลาดหุ้นก็ปรับลดลงมาแรง ส่วนในรอบนี้ก็จะ รอตัวเลข NONFARM PAYROLL และ UNEMPLOYMENT RATE ในวัน ศุกร์นี้เช่นกัน หากสัญญาณไม่ดีก็จะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นได้ ส่วน ในบ้านเราความสนใจอยู่ที่การจัดตั้งรัฐบาล โดยวันนี้จะมีการนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ เชื่อว่ารัฐบาลจะเริ่มปฎิบัติงานภายในสัปดาห์ที่ 3 ของ เดือน ก.ย.หลังจากนั้นก็คาดหวังจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอกมา จากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวข้างต้น คาด SET INDEX วันนี้ น่าจะปรับฐาน จากแรงกดดันของตลาดต่างประเทศ แนวรับอยู่ที่บริเวณ 1345 – 1350 จุด แนวต้าน 1366 จุด TOP PICK เลือก BEM, CPALLและ INTUCH
ความกลัว RECESSION ระลอกใหม่ กลับมากวนใจอีกแล้ว วานนี้ตลาดหุ้นโลกพลักกลับมาร่วงลงแรง เฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดน ลบราว -1.5% ถึง -3.3% โดยมีแรงกดดันหลักๆ มาจากความกลัวเรื่องเศรษฐกิจ สหรัฐฯ RECESSION กลับมาเป็นที่น่ากังวลอีกครั้ง หลัง ISM เผยตัวเลข MANIFACTURING PMI ส.ค. 67 ล่าสุด 47.2 จุด ซึ่งต่ำกว่าคาดและยังหดตัวต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 5 (PMI
เหตุการณ์ข้างต้น มีความคลายคลึงกับ จุดตั้งต้นของการเกิด MINI BLACK MONEY เมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มมาจากตัวเลข MANIFACTURING PMI ก.ค. 67 ที่ออกมา ต่ำกว่าคาดเช่นกัน และตามมาด้วยตลาดแรงงานที่ส่งสัญญาณอ่อนแอ ทำให้วันศุกร์นี้ (6 ก.ย. 67) จำเป็นจะต้องติดตามตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ใกล้ชิด ทั้งนี้หาก NONFARM PAYROLL ต่ำกว่าคาด และ UNEMPLOYMENT RATE สูงกว่าคาด อาจเพิ่มแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงได้อีกระลอก นอกจากนี้ยังต้องจับตาสัญญาณจาก SAHM RULE ที่มักเตือนว่าอัตราการว่างงาน เพิ่มขึ้น 0.5% จากจุดต่ำสุดในรอบ 12 เดือน สถิติมีความแม่นยำสูงถึง 100% ในการ ทำนาย RECESSION ซึ่งกรณีที่อัตราการว่างงานในเดือน ส.ค. 67 สูงกว่าระดับ 4.1% อาจจะทำให้ความกังวลเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นได
สรุป ความกังวลเศรษฐกิจ RECESSION กลับมากวนใจอีกครั้ง หลังตัวเลข PMI ภาค การผลิตออกมาแย่กว่าคาด ซึ่งเหตุการณ์นี้คล้ายกับจุดเริ่มต้นของการเกิด MINI BLACK MONEY เมื่อ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้วันศุกร์นี้ (6 ก.ย. 67) จำเป็นจะต้อง ติดตามตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ จะเป็นแบบ SOFT LANDING เนื่องจาก FED มีเครื่องมือผ่านการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อ การสกัดความเสี่ยง RECESSION ได้ในระดับหนึ่ง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงในช่วงนี้ ด้วยเหตุปัจจัยอะไรบ้าง ? วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT/WTI ปรับตัวลงแรง -4.8% และ -4.3% ตามลำดับ ปิด ที่ระดับ 73.7 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 70.3 เหรียญฯ/บาร์เรล ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก ความกังวลการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจในจีนและสหรัฐฯ (DEMAND ลดลง)ขณะที่ ฝั่ง SUPPLY มีความกังวลว่าจะหายไปจาก 2 เหตุผล ดังนี้ 1.สมาชิก OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 แสนบาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 67 จากปัจจุบันที่มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่ง ประกอบด้วยการปรับลดอย่างเป็นทางการของ OPEC+ 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน และ การปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของสมาชิกกลุ่มฯ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน 2.ข้อพิพาทด้านการเมืองในลิเบียฝั่งตะวันตกและตะวันออกมีแนวโน้มคลี่คลายลง ส่งผลให้ความกังวลว่าลิเบียจะระงับการผลิตมากถึง 1.0 ล้านบาร์เรล/วัน ที่ก่อนหน้านี้ กังวลก็ได้คลี่คลายลงเช่นกัน
ซึ่งหากพิจารณาราคาน้ำมัน WTI เฉลี่ยเดือน ก.ย. 67 ล่าสุดอยู่ที่ 70.4 เหรียญฯ/ บาร์เรล -6.6%MOM / -21.2%YOY จึงอาจเห็นอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทยอยลดลงตามลำดับ ซึ่งจุดสังเกตคงหนีไม่พ้นสหรัฐฯ ที่ตัวเลข CPI เดือน ส.ค.67 จะประกาศ 11 ก.ย.67 ซึ่งมีโอกาสลดลง MOM/YOY เช่นกัน ส่งผลให้การใช้นโยบาย ทางการเงินแบบผ่อนคลายของ FED มีโอกาสเกิดเร็วและแรงขึ้น โดยพิจารณาจาก FED WATCH TOOL จะเห็นได้ว่าโอกาสที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ก.ย.67 อยู่ที่ 100% แบ่งเป็น ปรับลด 25 BPS. 59% และปรับลด 50 BPS. 41% ขณะที่ ณ สิ้นปีนี้คาดดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ 4.50%
ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบลดลง ได้แก่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง ,ขนส่ง, ผลิตสินค้าอุปโภค/บริโภค และเช่าซื้อ
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities