การประชุม กนง.วันนี้CONSENSUS คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% อย่างไรก็ตามภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ทิศทางดอกเบี้ยโลกปรับ ลดลง การคงดอกเบี้ยของ กนง. จึงเป็นการสวนกระแส มีผลทำให้เงินบาท แข็งค่า และเมื่อเวลายิ่งผ่านไปนานดอกเบี้ยโลกยิ่งลดลงมากขึ้น ก็น่าจะมี แรงกดดันมาที่ กนง. เพิ่มมากขึ้น บนความคาดหวังดังกล่าวทำให้BOND YIELD บ้านเราปรับลดลงไปรอล่วงหน้า โดยปัจจุบัน BOND YIELD 1 ปี ลงมาอยู่ที่ 2.28% ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้สภาวะดังกล่าวถือเป็น ผลดีต่อทิศทาง FUND FLOW ส่วนเรื่องการเมืองการจัดตั้ง ครม. คาดจะ ได้รายชื่อ ครม.ครบ 26 ส.ค.67 แต่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ คุณสมบัติเพิ่ม คาดว่ารัฐบาลจะเริ่มทำงานได้ช่วงครึ่งหลังเดือน ก.ย.67 และหลังจากนั้นน่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นชัดเจน น่าจะเห็น MOMENTUM ในการเหวี่ยง SET INDEX ขึ้นไปได้ต่อเนื่อง แต่ น้ำหนักอาจเบาลงตามลำดับ วันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1318 – 1340 จุด TOP PICK เลือก BGRIM, INTUCH และ SIRI
งบรัฐฯ อัดเร่ง หวังเพิ่มแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ความคืบหน้าทางการเมืองไทยยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง หลังจากมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 18 ส.ค.67 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการดำเนิน จัดตั้ง ครม. ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ครบ ภายในวันที่ 26 ส.ค. นี้ และ หลังจากนั้นจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างละเอียดอีกราว 2-3 สัปดาห์ (เดิมใช้ เวลาแค่ 1 สัปดาห์) ก่อนที่เริ่มทำงาน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นภายในครึ่งหลังของเดือน ก.ย.67
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทย มีโอกาสเห็นการเติบโตแบบขึ้นบันไดใน 2H67 และมีการ ใช้จ่ายภาครัฐ (G) เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ หลัง 2Q67 มี แนวโน้มที่ดีขึ้นชัดเจน พลิกกลับมา +0.3%YOY ซึ่งขยายตัวครั้งแรกในรอบ 21 เดือน ขณะที่แนวทางการเดินหน้าประเทศ รัฐบาลยังมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจสำรองไว้ จาก งบฯ เพิ่มเติมปี 2567 และงบประมาณปี68 อีกราว 3.24 แสนล้านบาท คาดหวังว่าจะมี การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นออกมา นอกจากนี้ยังมีสัญญาณจากการ เบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนที่มีโอกาสเร่งตัวขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงเดือน ก่อนจะสิ้นสุด 3Q67 (ล่าสุดมีการใช้จ่ายไปเพียงแค่ 46% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมด)
สรุป การเมืองเดินหน้า หนุนการใช้จ่ายภาครัฐเร่งอัดฉีด ถือเป็นปัจจัยบวกช่วยให้ ทิศทางเศรษฐกิจในช่วง 2H67 เติบโตเป็นขั้นบันได มองเป็นภาพที่สอดคล้องกับกำไร บริษัทจดทะเบียนที่คาดว่า 2H67 น่าจะเติบโต YOY เด่น
ันนี้จับตาสัญญาณ กนง. จะลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี หรือไม่ ? หลังตัวเลขเศรษฐกิจของไทยทั้ง GDP GROWTH และ CPI ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ การประชุม กนง. วันนี้ ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ย 2.5% และมีโอกาสสูงที่ กนง.จะคง ดอกเบี้ยระดับนี้จนถึงสิ้นปี เนื่องจาก กนง.มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% อยู่ใน ระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจเข้าสู่ศักยภาพและเงินเฟ้อที่ปรับดีขึ้น รวมทั้งเอื้อต่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาวแล้ว อย่างไรก็ตาม ทิศทางดอกเบี้ยหลายประเทศมีโอกาสเป็นขาลงตามการคาดการณ์ของ BLOOMBERG (FED ลด 3 ครั้ง, ECB ลด 2 ครั้ง, BOE ลด 1 ครั้ง) จึงทำให้ค่าเงิน บาทแข็งค่าเร็วและแรงในช่วงนี้ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในมุมการ ส่งออกได้
ึ่งหากพิจารณาในมุมของ BOND YIELD ไทย จะเห็นว่า YIELD CURVE ค่อยๆ ลดลง โดย 2H67 BOND YIELD CURVE ลดลง -10 ถึง -17 BPS. และช่วงอายุ1 ปี อยู่ระดับ 2.28% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดให้ความหวังว่า กนง.มีโอกาสลด ดอกเบี้ยสัก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี
โดยตามกลไก ทุกๆ BOND YIELD ที่ลดลงจะหนุนให้ SET ซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้นได้ โดยทุกๆ BOND YIELD ที่ลดลง 5 BPS หนุนให้TARGET SET ขยับขึ้น 12 จุด
ซึ่งประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ตัวเลข MARKET EARNING YIELD GAP ปัจจุบันของ SET อยู่ที่ระดับ 4.31%(สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่อยู่ 3.9% และ อยู่สูงใกล้แตะระดับ +1SD.) จึงคาดหวังให้ FUND FLOW ต่างชาติกลับมาสนใจหุ้นไทยได้ไม่ยาก และเป็น ตัวช่วยขยับมูลค่าซื้อขายรายวันให้กลับไปเท่าระดับเดิมในอดีต
สรุป หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีขึ้นทั้ง GDP GROWTH และ CPI จึงทำให้ กนง.ยังไม่ส่งสัญญาณ DOVISH ในปีนี้ จึงทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่า อย่างไรก็ ตาม YIELD CURVE ของไทยค่อยๆ ลดลง โดยช่วงอายุ 1 ปีอยู่ระดับ 2.28% ซึ่งเป็น สัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดให้ความหวังว่า กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยสัก 1 ครั้งในช่วงที่ เหลือของปี ซึ่งจะช่วยให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคต
องค์ประกอบ SET INDEX เริ่มดูดีขึ้น น่าทยอยเพิ่มน้ำหนักลงทุน องค์ประกอบ SET INDEX เริ่มดูดีขึ้น น่าทยอยเพิ่มน้ำหนักลงทุน ด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. สูญญากาศทางการเมืองเกิดไม่นาน ถือว่าดีต่อตลาดหุ้น ดังนี้
1.1.ช่วงมีการเลือกนายกฯ หุ้นมักขึ้นได้ดี ซึ่งผ่านมา 3 วันทำการ ตั้งแต่โหวต เลือกนายกฯ คนที่ 31 “คุณแพทองธาร ชินวัตร” SET INDEX ปรับตัว ขึ้นมา 3% ถือว่าปรับตัวขึ้นเหมือนกับช่วงโหวตเลือกนายกฯ ทุกคน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแต่ขึ้นได้ร้อนแรงกว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว ของ SET ได้ดี
1.2. ในอตีตช่วง 1 ปี หลัง เพื่อไทย (ย้อนหลังไปถึงชื่อเดิมที่ถูกยุบพรรคไปแล้ว) เป็นนายกฯ หุ้นขึ้นได้ดีทุกรอบ โดยเฉลี่ยปรับตัวขึ้นได้ราว 9.9% และมี กรอบการปรับตัวขึ้น 2.4% -18.9% ในช่วง 1 ปีทำให้คาดหวังว่า ช่วงต่อ จากนี้ SET INDEX ก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
1.3. การดำเนินนโยบายภาครัฐกลับมาต่อได้เร็ว โดยช่วงต่อจากนี้น่าจะเห็น การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 และงบประมาณปี 68 ก็น่าจะไม่ถูกเลื่อน ออกไปตามที่ตลาดฯกังวลในช่วงก่อนหน้า
2. BLOOMBERG CONSENSUS คาด GDP ไทยปี 2567 เติบโต 2.7% หนุน GDP ช่วง 2H67 เติบโตเด่น 3.5%YOY ดีขึ้นกว่า 1H67 ที่ 1.9%YOY หนุน กำไรบริษัทจดทะเบียนช่วง 2H67 มีโอกาสฟื้นขึ้นได้เด่นเช่นกัน อีกทั้งฐานกำไร ช่วง 2H66 ยังต่ำเพียง 4.6 แสนล้านบาท หนุนกำไรช่วง 2H67 เติบโตเด่นได้
3. FUND FLOW เริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย และ FED ยิ่งลดดอกเบี้ยเร็ว กว่าไทย FUND FLOW ก็มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่ม โดยในช่วง 2H67 เม็ดเงินต่างชาติมีการไหลเข้าตลาดการเงินไทยทุกตราสาร อาทิ ตลาด TFEX 1.5 แสนสัญญา, ตลาดตราสารหนี้4.7 หมื่นล้านบาท, ตลาดหุ้น 1.4 หมื่น ล้านบาท
4. วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ใกล้เข้ามา หนุน BOND YIELD ขยับลง และตามกลไก หนุนให้ SET ซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้น โดยทุกๆ BOND YIELD ที่ลดลง 5 BPS. จะหนุนให้UPSIDE ขอ SET เพิ่มขึ้นได้ 12 จุด (ตามหัวข้อก่อนหน้า)
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา หนุนให้ SET INDEX ในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มที่จะ ปรับตัวขึ้นได้ดีผิดกับช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา ดังนั้นในยามที่ SET INDEX ย่อตัวลง น่าจะเป็นจังหวะที่เก็บสะสมหุ้นเพิ่ม
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities