🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

มองบน ... ถือเงินสดน้อยลง ถือหุ้นเพิ่มขึ้น

เผยแพร่ 13/08/2567 10:19
SETI
-

เรามองเห็นสัญญาณบวกที่ปรากฎออกมาในหลายส่วน เริ่มจาก สัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ที่คาดว่าในปี 2567 จะปรับลด ประมาณ 0.75% ซึ่งน่าจะทำให้เงินบาทแข็งค่า ดึงดูดเม็ดเงินไหลกลับเข้า มา ส่วนในบ้านเรามีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินในประเทศเข้ามาขับเคลื่อนผ่าน วายุภักษ์ และ THAI ESG โดยในวันนี้จะมีการแถลงข่าวเรื่องกองทุน วายุภักษ์ สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณี นายกฯเศรษฐา ใน กรณีเลวร้ายคือ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าช่วงเวลาที่จะ เกิดสุญญากาศทางการเมือง ก็น่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งนี้ประเมิน จากการจับมือของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังเข้มแข็ง และก็ไม่น่าจะเห็นการ ปรับเปลียนแนวนโยบายที่สำคัญ แต่หากเป็นกรณีที่ดีคือ นายกฯ ยังอยู่ใน ตำแหน่ง ก็ถือเป็นผลดีต่อ SET INDEX

มองเห็นสัญญาณบวกที่กำลังเข้ามาหลายประการ ทำให้ SET INDEX มี แนวโน้มที่ดี วันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไวหที่ 1290 – 1310 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BJC, BEM และ PLANB

ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯเริ่มเป็นขาลงชัดเจน มีผลต่อค่าเงิน บาทแข็งค่าขึ้นตามกลไล ลุ้น FLOW เข้า หลัง ตลท.มีมาตรการ คุมเข้มมากขึ้น วานนี้ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนในกรอบแคบ +/-1% รอตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค.67 ที่จะประกาศวันพรุ่งนี้ ซึ่งล่าสุดข้อมูลจาก BLOOMBERG คาดทรงตัวระดับ เดิมที่ +3.0%YOY ส่วน CORE CPI คาดลดลงเหลือ +3.2%YOY จาก +3.3%YOY ซึ่งต้องรอดูผลลัพธ์ว่าจะเป็นไปตามคาดหรือไม่ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมา ดีกว่าคาดก่อนหน้านี้ คลายความกังวล RECESSION ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งกรรมการ FED 2 ท ่านมีม ุมมองต่อดอกเบ ี้ยท ี่ DOVISH มากข ึ้น ท ั้งนาย JEFFREY SCHMID(FED KANSAS CITY) และ นาย AUSTAN GOOLSBEE (FED CHICAGO)

ึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาด โดยระยะถัดไป จะเริ่มเห็นทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯเป็น ขาลงชัดเจนขึ้น โดยตลาดประเมินว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยปีนี้ 3-4 ครั้ง โดยผลการ สำรวจของ FED WATCH TOOL ให้น้ำหนักใกล้เคียงกันที่52.5% และ 47.5% ที่คาด ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 5.00%-5.25% และทยอยปรับลดดอกเบี้ยในการ ประชุมเดือน พ.ย.67 และ ธ.ค.67 ลง 0.25% จนคาด ณ สิ้นปีดอกเบี้ยจะอยู่ระดับ 4.50% ประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้BOND YIELD 10Y สหรัฐ ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 4% และกดดัน DOLLAR INDEX อ่อนค่า ดีต่อค่าเงินบาทให้แข็งค่า เป็นกลไกให้ FLOW ต่างชาติไหลเข้าได้ไม่ยาก

ขณะที่ปัจจัยหนุนในประเทศ คือ ตลท.ประกาศ 3 มาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติมเพื่อช่วย ตลาดทุน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 2 ก.ย.67 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขาย ผิดไปจากสภาพปกติ (“CASH BALANCE”) จากมาตรการฯ ที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน โดยเพิ่มวิธีจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว (AUCTION) ตามช่วงเวลาที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด คือ ช่วง PRE-OPEN 1, PRE-OPEN 2 และ PRE-CLOSE โดยใช้สำหรับหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์CASH BALANCE ตั้งแต่ ระดับ 2 ขึ้นไป

2. กำหนดกรอบราคาซ ื้อขายแบบ DYNAMIC PRICE BAND เป็นราย หลักทรัพย์ (±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้นๆ) เพิ่มเติมจาก CEILING & FLOOR ในปัจจุบัน (±30% จากราคาปิดในวันทำการก่อนหน้า) เพื่อลดความผันผวนในเชิงราคาของแต่ละหลักทรัพย์

3. กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย ก่อนที่จะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำ สั่งซื้อขาย (MINIMUM RESTING TIME) โดยคำสั่งซื้อขายจะต้องคงอยู่ใน ระบบอย่างน้อย 250 มิลลิวินาที จึงจะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งได้

ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าประเด็นดังกล่าว จะเป็นตัวพยุง SET ได้เป็นอย่างดี เฉกเช่น มาตรการก่อนหน้านี้ ทั้งการมี UPTICK RULE และ เกณฑ์สำหรับหุ้นที่สามารถ SHORT SELLได้ โดยหลังจากนั้นปริมาณการชอร์ตสุทธิรายวันลดลงอย่างมีนัยฯ ซึ่งช่วยลดความผันผวนของตลาดลงได้

สรุป ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯเริ่มเป็นขาลงชัดเจน บวกกับมุมมองดอกเบี้ยที่ เปลี่ยนไปของกรรมการ FED บางท่าน(DOVISH มากขึ้น) จึงทำให้ DOLLAR INDEX อ่อนค่าตามกลไล และหนุนค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ ตลท. ออก 3 มาตรการกำกับดูแล เพิ่มเติมเพื่อช่วยตลาดทุน คาดเป็นปัจจัยหนุนให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสหันมาสนใจ ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

MSCI INDEX REVIEW ช่วง 3Q67 เช้านี้ MSCI มีการปรับหุ้นเข้า 208 และออก 210 จากดัชนี MSCI GLOBAL STANDARD และ MSCI SMALL CAP โดยมีผลบังคับใช้ราคาปิดวันที่ 30 ส.ค. 67 ส่วนหุ้นไทยมีการถูกคัดเข้าออกดังนี้

▪ MSCI GLOBAL STANDARD ไม่มีหุ้นเข้า แต่มีหุ้นออก 4 บริษัท คือ AWC, EA, GPSC, IVL ▪ MSCI SMALL CAP มีหุ้นเข้า 4 บริษัท คือ BJC, EA (ออกจาก MSCI GLOBAL STANDARD), KAMART, TLI และมีหุ้นออก 13 บริษัท คือ BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

ประเมิน SET INDEX อาจถูกกดดันจากการปรับพอร์ตของกองทุนต่างประเทศตาม ดัชนี MSCI ช่วงสั้นๆ แต่เชื่อว่าผันผวนมีไม่มาก เพราะตลาดฯ รับรู้จากคาดการณ์ว่า หุ้นหลายๆ บริษัท จะถูกปรับออกจาก ดัชนี MSCI GLOBAL STANDARD มาในระดับ หนึ่งแล้ว

หวังตลาดหุ้นไทยค่อยๆ ฟื้น หลังตอบรับปัจจัยลบทางการเมือง มานาน ในมุมการเมือง 14 ส.ค. นี้ ศาลฯ ตัดสิน คุณเศรษฐาจะพ้นการเป็นนายกฯ หรือไม่? ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยฯ ที่ตลาดฯ รับรู้และถูกกดดันมาตลอดเกือบ 3 เดือนเต็ม จน UNDERPERFORM กว่าตลาดหุ้นโลก ซึ่งหลังจากนี้น่าจะกดดันตลาดหุ้นไทยจำกัด และหากกลับมาดูเรื่องผลประกอบการงวด 2Q67 ที่ประกาศออกมา 179 บริษัท (สัดส่วน 60% ของ MARKET CAP.) พบว่า ทำได้ดี คือ มีกำไร2.03 แสนล้านบาท +6.3QOQ และ +31.3%YOY และดีกว่าที่ BLOOMBERG CONSENSUS คาดถึง 14.37%

นอกจากนี้ยังเห็นราคาน้ำมันค่อยๆ ฟื้นขึ้นจากความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง รวมถึงการยึดขอบดินแดนรัสเซียจากอิหร่าน หนุนหุ้นไทยท่ส่วนใหญ่อิงกับราคา COMMODITY ถึง 1 ใน 3 ของ MARKET CAP ให้ขยับขึ้น อีกทั้งหุ้นน้ำมันไทย LAGGARD ราคาน้ำมัน +7.8%YTD อยู่มาก อาทิ PTTGC -39%, OR -27%, BCP -23%, BSRC -21%, SPRC -12%, TOP -7%, PTT (BK:PTT) -7% และ PTTEP +0%

ในมุม FUND FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลกลับจากแนวโน้มบาทแข็งค่าในช่วงที่เหลือ ของปี บวกกับมาตรการการเรียกความเชื่อมั่นจากทางตลาดฯ ค่อยๆ ทยอยออกมา (จากหัวข้อก่อนหน้า) อีกทั้งยังอาจเห็นแรงหนุนจากกองทุนวายุภักษ์มาช่วยหนุนตลาดฯ อีกแรง โดยทาง กระทรวงการคลังนัดแถลง เสนอขายหน่วยลงทุน กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง 13 ส.ค. เวลา 14.00 น. –15.15 น. หวังเป็นกลไกเสริมสร้างการออมและการลงทุนให้กับประชาชน คาดว่าน่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าระบบราว 1 แสนล้านบาท ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัด กรองหุ้น 10 อันดับแรก ที่กองทุนวายุภักษ์ถือครองสูงสุด น่าจะได้รับ SENTIMENT เชิงบวกมากกว่าหุ้นอื่นๆ คือ PTT, SCB, TTB, BCP, KTB, AOT (BK:AOT), ADVANC, GULF, SCC, BDMS สรุป หวังตลาดหุ้นไทยค่อยๆ ฟื้น และยืนเหนือ 1300 จุด จากผลประกอบการที่ดีขึ้น เม็ดเงินจากในและต่างประเทศทยอยเข้ามาหนุน หลังตอบรับปัจจัยลบทางการเมืองมา นาน

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย