ประเมินว่าแรงกดดันจากความกลัวเรื่อง RECESSION ในสหรัฐฯ และ กลับสถานะ YEN CARRY TRADE ที่เป็นต้นเหตุของการปรับลดลงแรง ของราคาหุ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผ่อนคลายลงตามลำดับ โดยล่าสุด สหรัฐฯ รายงานตัวเลข INITIAL JOBLESS CLAIM ที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่ ความน่าจะเป็นที่จะลดดอกเบี้ย 0.5% ในเดือน ก.ย.67 ลดลง สำหรับใน บ้านเรา ความสนใจหลักยังอยู่ที่สถานการณ์ทางการเมือง โดยวันพุธที่ 14 ส.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัยคำร้องให้ถอดถอน นายก ฯเศรษฐา ซึ่งในประเด็นนี้เราเห็นว่ากรณีเลวร้าย อาจจะเห็นผลกระทบต่อ SET INDEX ในระยะสั้น โดยเราเห็นว่าช่วงเวลาที่เกิดสุญญากาศของ รัฐบาลจะไม่นาน และจะไม่ทำให้แนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เปลี่ยนแปลง การย่อตัวลงมาจึงเป็นโอกาสซื้อ ไม่ใช่รอขาย SET INDEX มีระดับความเสี่ยงลดลง วันนี้ประเมินกรอบ 1288 – 1305 จุด โดยนอกจากปัจจัยที่กล่าวข้างต้นยังต้องติดตามสถานการณ์ใน ตะวันออกกลาง TOP PICK เลือก BJC, CPN และ SIRI
ปัจจัยต่างประเทศมีอะไรที่น่าติดตามบ้าง และเม็ดเงินเคลื่อนย้าย ไปไหน ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นแรงราว 1.7% ถึง 2.8% ขณะเดียวกัน BOND YIELD สหรัฐฯ ที่อายุ 10 ปีพยายามจทะลุ 4% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากตัวเลข INITIAL JOBLESS CLAIMS สัปดาห์นี้ที่ออกมา 233K ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่ 240K ลดลง จากสัปดาห์ที่แล้ว ที่ 249K ตำแหน่ง ขณะที่ค่า CONTINUING JOBLESS CLAIMS ล่าสุดอยู่ที่ 1.875M มากกว่าคาดที่ 1.870M เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 6K ซึ่ง CONTINUING JOBLESS CLAIMS ระดับนี้คือสูงสุดตั้งแต่ DEC 2021 โดยรวม ตลาดตีความว่า ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯยังคงแข็งแรง ไม่ได้มีการปลดพนักงานเพิ่ม มากขึ้น แต่ปัญหาตอนนี้ที่กังวล คือ นายจ้างไม่ค่อยรับคนเพิ่มทำให้ตัวเลข CONTINUING JOBLESS CLAIMS สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องติดตามตัวเลขอื่นๆ อย่าง ใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามภาพรวมทำให้การลดดอกเบี้ยของ FED ชะลอลงได้ สะท้อนจาก FED WATCH TOOL ให้โอกาสที่เดือน ก.ย.67 ที่จะลดดอกเบี้ย 50 BPS. ลดลงจาก 69% เหลือ 56% ครับ
ขณะที่ทางฝั่งจีนก็ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยเช่นกัน หลังอัตราผลตอบแทน พันธบัตรหลายอายุของจีนทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ บวกกับอัตราเงินเฟ้อที่ยัง ไม่ฟื้นตัวมากนัก ขณะที่แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ทำให้ PBOC มี โอกาสลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง ในช่วง 4Q24 (ตลาดคาดปรับลดครั้งแรกเดือน ก.ย.67) เนื่องจากแรงกดดันจากเงินหยวนอ่อนค่าลดลง
โดยรวมความกังวล RECESSION ในสหรัฐฯลดน้อยลง และการส่งสัญญาณใช้ นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นของหลายธนาคารกลาง ทำให้นักลงทุน คลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้ ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากพัฒนาการของทั้ง 2 ฝั่งที่มีการเตรียมการทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ และที่หลบ ภัย หนุนราคาน้ำมันดิบทยอยปรับตัวขึ้นได้ ดีต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น-น้ำมัน TOP BCP SPRC PTTEP เป็นต้น
3 ประเด็นในประเทศ รออยู่หลังหยุดยาว 3 วัน หลังหยุดยาว 3 วัน (10 – 12 ส.ค. 67) มีอยู่ 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามส่งผลต่อ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย คือ
1. รอติดตาม MSCI มีการ REBALANCE ดัชนีงวด 3Q67 และจะประกาศหุ้นเข้า ออก ในวันที่ 12 ส.ค. 67 โดยเบื้องต้นคาดว่า EA มีโอกาสออกจากดัชนีสูง ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ ที่มีกระแสจากข่าวต่างๆ อย่าง IVL KTC AWC GPSC คาดมี โอกาสออกจากดัชนีไม่เยอะ
2. ประเด็นการเมือง คดีถอดถอน นายกฯเศรษฐา ในวันที่ 14 ส.ค.67 เวลา 15.00 น. หากศาลนัดฟังคำวินิจฉัย คำร้องให้ถอดถอน นายกฯ เศรษฐา กรณีเลวร้ายคือ นายกฯ ถูกถอดถอน ตลาดหุ้นน่าจะถูกตีความในเชิงลบ ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยเชื่อว่าสุญญากาศของรัฐบาล ไม่น่าจะใช้เวลานาน และ แนวนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ไม่น่าจะเปลี่ยน บนสมมุติฐานว่า พรรค ร่วมรัฐบาลยังเป็นกลุ่มเดิม แต่ถ้านายกฯ ไม่ถูกถอดถอน การดำเนินนโยบาย ต่างๆ ยังเป็นไปตามกระบวนการตามปกติ และตลาดหุ้นน่าจะตอบสนองในเชิง บวกมากกว่า
3. โค้งสุดท้ายของการการรายงานงบ 2Q67 ของบริษัทจดทะเบียน โดยล่าสุดมี การรายงานออกมาแล้ว 112 บริษัท ดีกว่าตลาดคาด 5% และภาพรวมฝ่าย วิจัยฯ ประเมินว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 2Q67 มีโอกาสทรงๆ ตัว QOQ และเติบโต YOY
ทั้ง 3 ปัจจัยที่เฝ้ารอ เป็นความเสี่ยงที่ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน ในทิศทางขึ้น หรือลงในระยะสั้นได้ ดังนั้นแนะนำค่อยๆ ทยอยหาหุ้นดีเข้าสะสมในยามที่ผ่านปัจจัย ต่างๆ ไปทีละด่าน เพราะในระยะถัดไปเราเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจทยอยฟื้น FUND FLOW มีโอกาสไหลเข้า และ VALUATION ตลาดอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities