ตลาดหุ้นไทย MARKET TALK วันศุกร์ ที่ 21 มิ.ย.67 ได้กล่าวถึง 3 ช่องทางที่ทำให้เงิน ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ซึ่งได้แก่ แรงขายสุทธิจากต่างชาติ, SHORT SELL และ MARGIN FORCE SELL สัปดาห์นี้หวังว่าจะเห็นมาตรการที่ เข้ามาช่วยอุดรูรั่ว และเติมเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย โดยเย็นนี้จะมีการแถลง มาตรการฟื้นตลาดทุน ซึ่งน่าจะเห็นรายละเอียดมากขึ้นของกองทุน ประหยัดภาษี โดยน่าจะมีเงื่อนไขที่ดีกว่าTESG FUND หากเงื่อนไขออกมา ดี และสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนให้เข้ามาสู่ตลาดหุ้นได้ก็น่าจะ เปิดโอกาสให้เห็นการฟื้นตัวของ SET INDEX อีกประเด็นหนึ่งได้แก่การ บังคับใช้UPTIRCK RULE สำหรับการทำ SHORT SELL เริ่ม 1 ก.ค.67 ส่วนปัจจัยบวกในทางพื้นฐาน เช้านี้มี 2 เรื่องคือ ตัวเลขการส่งออก พ.ค. 67 ที่ดีกว่าคาด และการผ่านวาระที่ 1 ของ งบประมาณปี 2568 ตัวเลขการส่งออกที่ดีกว่าคาด รวมถึงมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนที่จะ แถลง เย็นวันนี้น่าจะช่วญกระตุ้น SET INDEX โดยวันนี้คาดหมายกรอบ 1300 –1315 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CPALL (BK:CPALL), CPN และ SIRI
สัญญาณทางเศรษฐกิจไทยดูดีขึ้น
การเบิกจากภาครัฐเห็นความต่อเนื่อง (G) หลังงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 อยู่ในระยะของการเร่งเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. นี้ ขณะที่การ พิจาณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 ผ่านวาระที่ 1 เมื่อวัน ศุกร์ที่ผ่านมา ที่ประชุมรับหลักการด้วยคะแนน เห็นด้วย 311 เสียง ไม่เห็นด้วย 175 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นมาชุดหนึ่ง จำนวน 72 คน เพื่อปรับแก้ก่อนเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาอีกครั้ง ในวาระที่ 2 และ 3 ซึ่งยังเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้และไม่น่าถูกเลื่อนออกไป มองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง อาทิ SCC, SCCC, TASCO, STEC, CK เป็นต้น
นอกจากนี้ การส่งออกไทยยังขยายตัวได้ดีขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลข ส่งออกไทยเดือน พ.ค. 67 มีมูลค่า 2.62 หมื่นล้านบาท พุ่ง +7.2%YOY สูงสุดรอบ 14 เดือน และยังสูงกว่าตลาดคาดที่ +2.0%YOY ทำให้ 5M67 การส่งออกปรับตัว เพิ่มขึ้น +2.6%AOA ส่วนภาคการนำเข้าเดือน พ.ค. 67 มีมูลค่า 2.56 หมื่นล้านบาท หรือ หดตัว -1.7%YOY ส่งผลต่อดุลการค้า พ.ค. 67 พลิกกลับมาเกินดุลครั้งแรกใน รอบ 5 เดือน ขณะที่ตลอดทั้งปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ภาคส่งออกจะ ขยายตัวราว1-2%
สำหรับกลุ่มสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือน พ.ค. 67 ขยายตัวได้ดีทั้ง MOM และ YOY อาทิ ยางพารา (STA, NER) อาหาร สัตว์เลี้ยง (ITC, CPF, ASIAN, AAI) ทูน่ากระป๋อง (TU) ฯลฯ
สรุป สัญญาณทางเศรษฐกิจไทยดูดีขึ้น ทั้งจากการเบิกจายงบภาครัฐปี 2567-2568 มีความต่อเนื่อง บวกกับการส่งออกไทย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะช่วงลดแรงกดดันต่อ การเปิด DOWNSIDE ของ GDP GRWOTH ไทยในปีนี้ได้
มาตรการช่วยพยุง SET มีมากขึ้นเรื่อยๆ หวัง FLOW กลับมา คึกคักอีกครั้ง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลทฯออกมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน 4 ข้อ ดังนี้
1. กำหนดเกณฑ์หุ้นที่จะ SHORT SELLING (มีผล 21 มิ.ย.67)
2. มี UPTICK RULE ในทุกบริษัท (มีผล 1 ก.ค.67)
3. ลงทะเบียน HIGH-FREQUENCY TRADING (1 ก.ค.67)
4. เปิดเผยผู้ส่งคำสั่งไม่เหมาะสม (1 ก.ค.67)
ประเด็นดังกล่าวคาดทำให้ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยลดน้อยลง อีกทั้งวานนี้ กระทรวงการคลัง เตรียมเปิด มาตรการปลุกตลาดทุน เคาะปรับเงื่อนไขกองทุน THAI ESG มาช่วยพยุงหุ้นมากขึ้น โดยเงื่อนไขที่ปรับปรุงมีรายละเอียด ดังนี้ ซึ่งวันนี้ฝ่ายวิจัยฯ จะมาเปรียบเทียบเงื่อนไขและข้อจำกัดของแต่ละกองทุนประหยัดภาษี ทั้ง LTF SSF และ THAIESG ว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไร โดยเรียงลำดับจากกองทุนที่ มีเงื่อนไขที่ช่วยหนุนลภาพคล่องให้ SET INDEX จากมากไปน้อย ดังนี้
• เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท เป็นไม่เกิน 300,000 บาท
• ลดระยะเวลาถืครองหน่วยลงทุน จากเดิมต้องถือครอง 8 ปี เหลือเพียง 7 ปี
้งนี้ มาตรการดังกล่าว จะมีผลในช่วง 3 ปี ระหว่างปี 2567-2569โดยคาดว่าจะมีการ เปิดเผยรายละเอียดประเด็นดังกล่าวในการแถลง “มาตรการขับเคลื่อนตลาด ทุน” ของ 3 หน่วยงาน(คลัง-ก.ล.ต.-ต.ล.ท) ในวันนี้ เวลา 17.00 – 18.00 น. ซึ่งต้อง ติดตามว่าจะมีรายละเอียด และเงื่อนไขอะไร SURPRISE นักลงทุนหรือไม่ โดยฝ่ายวิจัย ฯคาดว่าหากไม่มีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมจากเนื้อหาข่าว มูลค่าเม็ดเงินซื้อสุทธิรายเดือน ของกองทุน THAIESG ใหม่นี้ จะอยู่ราว 1.5-3.0 พันล้านบาท จากการเปรียบเทียบ มูลค่าเม็ดเงินซื้อสุทธิกับกองทุน THAIESG เดิมที่ออกมาช่วงปลายปีที่แล้ว
ขณะที่ในมุมของหุ้นที่น่าลงทุน เน้นไปที่หุ้นในกลุ่ม THAIESG ที่มีโอกาสได้เม็ดเงิน กระตุ้น และหวัง SHORT น้อยลงจากกฏ UPTICK อาทิ IVL AWC IRPC SCGP KKP BEM KTC CRC TCAP เป็นต้น
สรุป มาตรการช่วยพยุง SET มีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังรายละเอียดข้างต้น หนุน SET จะผัน ผวนน้อยกว่าอดีต และมีโอกาสกลับทิศเป็นขาขึ้นได้ หากเย็นนี้ การแถลง “มาตรการ ขับเคลื่อนตลาดทุน” ของ 3 หน่วยงาน(คลัง-ก.ล.ต.-ต.ล.ท) มีสิ่งที่ SURPRISE ตลาดฯ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนในช่วงนี้ เน้นหุ้นในกลุ่ม THAIESG ที่มีโอกาสถูก COVER SHORT อาทิ IVL AWC IRPC SCGP KKP BEM KTC CRC TCAP เป็นต้น
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities