SET Index ช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศงบการเงินงวดปี 2566 ผันผวนมาก ขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากตัวเลขกำไรที่ตำกว่าคาด นำมาซึ่งการปรับลดประมาณการ กำไรในงวดปี 2567 ซึ่งหากติดตามจากตัวเลข Bloomberg Consensus พบว่า ยังเห็นการปรับลดคงของ EPS ต่อเนี่อง เราประเมินว่าเป็นไปได้ที่จะเห็นการจบลง ที่บริเวณ 92 –93 บาท/หุ้น เทียบกับความคาดหวังช่วงต้นปี 2567 ที่สูงกว่า 100 บาท/หุ้น ส่วนปัจจัยแวดล้อมอื่นในช่วงเวลานี้ต่อเนื่องไปจนถึงเดือน มี.ค. เห็นว่า ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้น จนกว่าจะเข้าช่วงเดือน เมษายน 2567 น่าจะเห็น สัญญาณบวกจากหลายปัจจัยหนุน ไม่ว่าจะเป็น การเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณฯ, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้ได้เต็มที่มากขึ้น, โอกาสที่จะเห็นการปรับลด ดอกเบี้ยของ กนง. รวมถึงแรงกดดันจากการปรับลดประมาณการที่หมดลงไป โดยยังต้องอดทบกับภาวะตลาดช่วงนี้ ก่อนจะดูดีในเดือน เม.ย.
ภาพ SET Index วันนี้น่าจะมีความผันผวนต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นอิทธิพลของ MSCI Rebalance รวมถึงกำไรที่ต่ำกว่าคาด คาด SET Index วันนี้อยู่ในกรอบ 1378 –1387 จุด หุ้น Top Pick เลือก MTC, PTTGC และTASCO
ตลาดหุ้นดูอึดอัด หลังอยู่ในช่วง Wait & See
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงราว -0.1% ถึง -0.8% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดตัวไร้ ทิศทางราว -0.8% ถึง +0.3% หลัง GDP Growth สหรัฐฯ ใน 4Q66 ปรับประมาณ การครั้งที่ 2 ลดลงเหลือ +3.2% นอกจากนี้ยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ๆ และอยู่ในช่วงของ การ Wait & Seeโดยในสัปดาห์นี้ยังมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญๆ อาทิ
• วันที่ 29 ก.พ. 67 เวลา 20.30 น. รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ เดือน ม.ค. โดย Consunsus คาดว่าจะอยู่ที่ +2.4%YoY () ปรับตัวลงจาก เดือนก่อนที่ +2.6%YoY
• วันที่ 29 ก.พ. 67 เวลา 20.00 น. รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อยุโรปเดือน ก.พ. โดย Consunsus คาดว่าจะอยู่ที่ +2.6%YoY () ปรับตัวลงจากเดือนก่อนที่ +2.9%YoY
• วันที่ 1 มี.ค. 67 เวลา 17.00 น. รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อยุโรปเดือน ก.พ. โดย Consunsus คาดว่าจะอยู่ที่ +2.5%YoY () ปรับตัวลงจากเดือนก่อนที่ +2.8%YoY
อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในหลายประเทศ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการ หนุนให้ธนาคารกลางต่างๆ เดินหน้าโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ ตามยังต้องจับตาราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในเดือน มี.ค. มีความเสี่ยงมาก ขึ้นที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยจะสูงกว่า 73.4 เหรียญฯ/บาเรล จึงมีโอกาสที่จะส่งผ่านไปยัง เงินเฟ้อในหมวด Energy ให้ขยับขึ้นได้เช่นกัน
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยไทยรอลุ้นในการประชุม 10 เม.ย. นี้ซึ่งสภาพแวดล้อมบ้านเรา มองว่าไม่น่าเป็นอุปสรรคต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย (สามารถรอติดตาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทวิเคราะห์Invest+ ประจำเดือน เม.ย. 67)
สรุป ปัจจัยแวดล้อมไร้แรงหนุนใหม่ๆ และอยู่ในช่วงของการ Wait & See ตัวเลขเงินเฟ้อ โดยตลาดคาดหวังว่าเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงในหลายประเทศ ถือว่าเป็น สัญญาณที่ดีในการหนุนให้ธนาคารกลางต่างๆ เดินหน้าโยบายการเงินแบบผ่อน คลายมากขึ้น
SET ยังผันผวนจากหลายปัจจัย กรอบวันนี้ 1370-1387 จุด
แม้ตั้งแต่ต้นเดือน SET Index จะปรับตัวขึ้น 1.3% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก Flow ต่างชาติที่ หนุนราว 7 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวลง ราว 16 จุดปิดที่ระดับ 1382.05 จุด และวันนี้มีโอกาสสูงที่จะผันผวนต่อ โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ามาจาก 3 สาเหตุหลัก ดังนี้
1. วันนี้ คือ วันสุดท้ายของการรายงานงบ 4Q66 ซึ่งกำไรงวด 4Q66 ที่ออกมา นั้น ส่วนใหญ่จะต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยการรวบรวมล่าสุด มีบริษัทจด ทะเบียนรายงานงบ 4Q66 ออกมาแล้ว 367 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน 80% ของ MARKET CAP) อยู่ที่ 1.66 แสนล้านบาท (ลดลง -36.6%QOQ, +23.3%YOY)
2. การปรับพอร์ตของดัชนี MSCI ซึ่งมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันนี้ ปกติจะ กดดันให้ SET ผันผวนในช่วงท้ายตลาด พร้อมกับมูลค่าซื้อขายที่จะเพิ่มเข้า มามากกว่าปกติ 2 – 3 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้นไทยถูกคัดออกจากดัชนีมี5 บริษัท คือ BJC, OSP, BANPU ออกจาก MSCI Global Standard และ SUPER, BEC ออกจาก MSCI Small Cap ซึ่งทำให้ราคาหุ้นตั้งแต่วัน ประกาศ – วันมีผลบังคับใช้ ผันผวนกว่าปกติ เนื่องจากมีการปรับพอร์ตของ กองทุนต่างประเทศ โดเฉพาะประเภท Active Fund ไปแล้วบางส่วน อย่างไรก็ ตามประเด็นดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางพื้นฐาน และราคามักจะ ค่อยฟื้นกลับมาในช่วง 1 –1.5 เดือน หลังจากนี้
3. Program Trading ทำให้หุ้นแกว่งผันผวนมากกว่าปกติ สะท้อนได้จากวานนี้ หุ้นที่มีการซื้อขายผ่าน Program Trading หนาแน่น ส่วนใหญ่จะแกว่งในกรอบกว้างมาก +-5% และส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว รวมถึงเพิ่ง รายงานงบออกมา ถ้างบออกมาดีกว่าคาดก็ราคาหุ้นก็จะบวกได้แรง แต่ถ้า ต่ำคาดก็มีโอกาสย่อตัวลงแรงเช่นกัน
สรุป วันนี้ SET Index มีโอกาสแกว่งผันผวนในกรอบ 1370-1387 จุด เนื่องด้วยมี หลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งการรายงานงบงวด 4Q66 วันสุดท้าย, การปรับพอร์ตของ ดัชนี MSCI และ Program Trading เข้ามามีบทบาทกับ SET มากขึ้น ฝ่ายวิจัยฯจึง แนะนำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงโดยการถือเงินสดราว 5-10%ของพอร์ตลงทุน
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities