ดัชนีภาวะการเงินของบ้านเรา (Financial Condition Index, FCI) สะท้อน ภาวะการเงินที่ตึงตัว น่าจะส่งผลต่อกระแสเรียกร้องให้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ย นโยบายดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ในอีกทางหนึ่งพบว่า สัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed กลับยืดระยะออกไป โดย Fed Watch Tool แสดงผลว่า 83% เชื่อว่าการ ประชุมรอบ 1 พ.ค.67 จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เพดาน 5.5% กว่าที่จะปรับลดลงอาจ เป็นช่วงกลางปี หรือ ครึ่งหลังของปี 2567 ทิศทางที่ดูไม่สอดคล้องกันของ ดอกเบี้ยในบ้านเรากับ Fed อาจส่งผลทำให้เงินบาทอ่อนค่า ซึ่งเป็นสัญญาณเชิง ลบต่อทิศทางของ Fund Flow ที่อาจยังไม่กลับเข้ามาสู่ตลาดการเงินบ้านเรา อีก เรื่องหนึ่งที่ต้องติดตาคือผลประกอบการ 4Q67 ที่กำลังประกาศออกมาส่วน ใหญ่พบว่าต่ำกว่าคาด ส่งผลทำให้เห็นการปรับลด EPS ปี 2567 ของตลาดลง โดยเรามองว่าอาจลงมาสู่บริเวณ 93 บาท/หุ้น ถือเป็นอีกหนึ่งแรงกดดัน ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมดังกล่าว น่าจะทำให้ SET Index ในช่วงนี้ทะลุผ่านระดับ 1400 จุดได้ยากขึ้น วันนี้ประเมินกรอบที่ 1393 – 1405 จุด หุ้น Top Pick เลือก ADVANC, BEM และ CRC
ปัจจัยบวกดูเบาลง อาจกด SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
ภาวะการเงินโดยรวมในไทยล่าสุด ถือว่ามีความตึงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนจากดัชนี ภาวะการเงินไทย (Financial Conditions Index: FCI) ที่อยู่ในระดับ > 0 โดย FCI ในช่วง 4Q66 อยู่ที่ 0.37 จุด หลังต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ปริมาณสินเชื่อตังตัว บวก กับดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนหนักในช่วง 3Q66 ท่ามกลางการคงดอกเบี้ยไว้ใน ระดับสูงที่ 2.5% ทั้งนี้ยังต้องรอลุ้นผลการประชุม กนง. รอบเดือนเม.ย. 67 ซึ่งหากมี การปรับลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น จะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินในบ้านเราผ่อนคลาย เร็วเกินไป ซึ่งสวนทางกับสหรัฐฯ เนื่องจาก Fed มีโอกาสเลื่อนกรอบเวลาปรับลด ดอกเบี้ยช้ากว่าคาด หลังเงินเฟ้อยังไม่ชะลอตัวลงสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% โดย Fed Watch Tool ให้น้ำหนักในการคงดอกเบี้ยในเดือน พ.ค. ไว้ที่ 5.5% สูงถึง 83% และมี แนวโน้มเห็น First Rate Cut ในเดือน มิ.ย.ขณะที่ผลลัพธ์ที่ตามมา อาจกระทบต่อการ อ่อนตัวลงของค่าเงินบาท และกด Fund Flow ต่างชาติไหลออก
ในอีกแง่มุมหนึ่งภาพรวมเศรษฐกิจจีนอาจฟื้นตัวได้ช้าลง จากแรงกดดันของการ ลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่จีน (FDI) หดตัว 11.7%YoY ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการติด ลบมากสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม การลงทุน FDI ในจีนที่ลดลง อาจเป็นแรง คาดหวังว่าจะเห็นการย้ายฐานการผลิตเข้ามาไทยมากขึ้นได้
สรุป ปัจจัยแวดล้อมยังไร้แรงบวก อาจทำให้ตลาดหุ้นเคลื่อไหวกรอบแคบในช่วงนี้ โดย ประเด็นที่ต้องติดตามหลักๆ มีทั้งกรอบเวลาปรับลดดอกเบี้ยที่ช้ากว่าคาด รวมถึง ภาพรวมเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวยังไม่เต็มที่
ตัวเลขส่งออก เดือน ม.ค.67 โต 10%YoY ชอบหุ้น PTTEP TOP STA NER TU ITC
วันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขส่งออก เดือน ม.ค. 67 +10.0%YoY ขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 เดือน สอดคล้องกับการส่งออกในหลายๆ ประเทศในเอเชีย นำโดยเวียดนามส่งออก ม.ค. เติบโต +42%, ไต้หวัน +18.1%, เกาหลี ใต้ +18.0%, สิงคโปร์ 15.7% เป็นต้น ขณะที่ตัวเลขนำเข้าเดือน ม.ค. 67 สูงกว่าคาด +2.6%YoY หนุนให้ดุลการค้า -2800 ล้านเหรียญฯ (ติดลบมากกว่าคาด)
หากพิจารณาสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องกับรายชื่อบริษัทจดทะเบียน จะ เห็นได้ว่าสินค้าที่โตเด่น คือ น้ำมันสำเร็จรูป +55.36%YoY(ดีต่อ PTTEP TOP SPRC), ยางพารา +14.52%YoY(ดีต่อ STA NER), ทูน่ากระป๋อง +6.36%YoY(ดี ต่อ TU), อาหารสัตว์เลี้ยง +3.28%YoY(ดีต่อ ITC ASIAN AAI CPF) เป็นต้น
ขณะที่แนวโน้มภาคการส่งออกไทยในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า การส่งออก ไทยยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าตาม ภาวะเงินเฟ้อโลกที่เริ่ม ชะลอตัว การได้รับอานิสงส์จากมาตรการรักษาความมั่นคงทางด้านอาหารของหลาย ประเทศ ขณะที่ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยังไม่ส่งผลกระทบทางตรง ต่อไทยมากนัก ส่งผลแต่เพียงในทางอ้อม คือ อัตราค่าระวางเรือจะเพิ่มสูงขึ้น โดย ภาพรวมกระทรวงพาณิชย์ คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2567 จะโตราว 1% –2%YoY
สรุป ตัวเลขส่งออกไทย เดือน ม.ค.67 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 เดือน สอดคล้องกับ การส่งออกในหลายๆ ประเทศในเอเชีย ขณะที่สินค้าส่งออกเด่น คือ น้ำมันสำเร็จรูป +55.36%YoY(ดีต่อ PTTEP TOP SPRC), ยางพารา +14.52%YoY(ดีต่อ STA NER), ทูน่ากระป๋อง +6.36%YoY(ดีต่อ TU), อาหารสัตว์เลี้ยง +3.28%YoY(ดีต่อ ITC ASIAN AAI CPF) เป็นต้น
ตลาดยังผันผวน ในช่วงโค้งสุดท้ายของการรายงานงบ 4Q66
เหลือเวลาอีก 3 วันทำการ บริษัทจดทะเบียนก็จะรางานงบ 4Q66 เสร็จสิ้น ฝ่ายวิจัยจึง ทำการรวบรวมข้อมูลกำไรบริษัทจดทะเบียน 4Q66 ที่รายงานออกมาแล้ว367 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน 78% ของ Market Cap) อยู่ที่ 1.65 แสนล้านบาท (ลดลง - 6.6%QoQ, +30.7%YoY)
ส่วนใหญ่รายงานงบ 4Q66 ออกมาน้อยกว่าตลาดคาดถึง 7 ใน 10 ส่วน กดดันให้ Bloomberg Consensus ทยอยปรับประมาณการ EPS67F ลงต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดอยู่ ที่ 95.3 บาท/หุ้น
นอกจากนี้จะสังเกตได้ว่าหุ้นที่มีการซื้อขายผ่าน Program Trading หนาแน่นในวัน ศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะแกว่งในกรอบกว้างมาก +-6% และส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นที่มี ปัจจัยเฉพาะตัวรวมถึงเพิ่งรายงานงบออกมา ถ้างบออกมาดีกว่าคาดก็ราคาหุ้นก็จะ บวกได้แรง, แต่ถ้าต่ำคาดก็มีโอกาสย่อตัวลงแรงเช่นกัน
สรุปช่วงท้ายเดือน ก.พ. SET Index ยังมีโอกาสผันผวนจากการรายงานงบ 4Q66, การทยอยปรับลดประมาณการกำไรปี 2567, Robot Tade เพิ่มความผันผวนให้กับ หุ้นที่กำไรต่ำคาดได้ รวมถึงกองทุนต่างประเทศปรับพอร์ตตาม MSCI หรือ Rebalance วันสุด 29 ก.พ. 67 อีก ส่งผลให้ Fund Flow อาจชะลอสั้นๆ ในสัปดาห์นี้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities