ตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าซื้อขาย 5 –6 หมื่นล้านบาท/วัน พร้อมกับ Fund Flow ที่ไหลเข้าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท หนุน SET กลับมายืนเหนือ 1400 จุดได้อีกครั้ง โดยมีแรงผลักดันหลักๆ มาจาก คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เห็นชอบมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นให้กับ นักลงทุน 3 ส่วน คือ Short selling, Program tradingรวมถึงมาตรการเพิ่มการ เปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน และยังมีประเด็นบวกจากนายกฯ ได้เปิด 8 วิสัยทัศน์ Thailand Vision ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับ โลก ดีต่อหุ้น AOT (BK:AOT), CENTEL, BCH, BDMS, BA, AAV, CK, STEC, SJWD, EA, GPSC, NEX, GULF, ADVANC, BBIK, BE8, INSET, BCPG ทั้ง 2 ประเด็น น่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน หนุน Momentum มูลค่าซื้อขายและ Fund Flow ให้กลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ ตัวเลขส่งออกไทย เดือน ม.ค. 67 ตลาดคาด เติบโตถึง +8.8%YoY (เดือนก่อน +4.7%) น่าจะเป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้น ส่งออก อย่าง KCE, HANA, CPF, ITC, TU, GFPT และประเมิน SET เคลื่อนไหว ในกรอบ 1390 –1412จุด Toppick เลือก IVL, CRC, BEM
นโยบายการคลังเร่งเดินหน้า...หวังพาเศรษฐกิจไทยโตต่อได้
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่โตต่ำในช่วงปลายปีที่ผ่าน ส่งผลให้รัฐบาลยิ่งจำเป็นต้อง เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมา โดยล่าสุด กระทรวงการคลังหวังเติมเม็ดเงินลงสู่ระบบ ผ่านการออกมาตรการให้รัฐวิสาหกิจเร่ง เบิกจ่ายงบลงทุน 2.4 แสนล้าน ในช่วงที่งบประมาณปี 67 ล่าช้า และได้กำหนด Deadline ให้แล้วเสร็จในเดือน มี.ค. นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยว ต่างชาติไว้ที่ 40 ล้านคน (เพิ่มขึ้นจากเดิม 35 ล้านคน) ซึ่ง ททท. ได้ขานรับและเตรียม เสนอมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวอินเดียให้แตะ 2 ล้านคนในปีนี้ ประเด็นดังกล่าว น่าจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้นอิงการลงทุนและการท่องเที่ยว อาทิ BEM AOT ERW MINT
ส่วนเช้านี้ (23 ก.พ. 67) เวลา 10.30 รอติดตามการรายงายยอดนำเข้า-ส่งออกของ ไทยในเดือน ม.ค. 67 จากกระทรวงพาณิชย์ โดย Consensus คาดว่าภาคการ ส่งออกจะขยายตัว +8.8%YoY ซึ่งหากตัวเลขออกมาตามคาดหรือสูงกว่าคาด จะ สะท้อนถึงภาคการค้าระหว่างประเทศในบ้านเรามีแนวโน้มฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น และ เชื่อว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นอิงส่งออกขยายตัว อาทิ ITC, CPF, STA, NER, HANA, KCE, DELTA
สรุป การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทะยอยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมในบ้านเรา ขณะที่ภาคการส่งออกไทยประเมินว่า มีปนวโน้มที่ดูดีขึ้น
ตลท.ยกระดับความเชื่อมั่นนักลงทุน หนุน SET Outperform ระยะถัดไป
SET Index ทยอยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วง ก.ย.66-ต.ค.66 กว่า 184 จุด หรือ 11.7% จาก ความกังวลเรื่องผิดนัดชำระหนี้ บวกกับในช่วงต้นปีนี้ที่กำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 4Q66 ออกมาต่ำคาดเกิน 20% และ กองทุนต่างชาติอยู่ในช่วงจัดพอร์ตตาม MSCI และ FTSE ที่ลดน้ำหนักหุ้นไทยลงในบางบริษัท จึงทำให้การเคลื่อนไหวของ SET Index แกว่งผันผวนในกรอบล่าง 1360-1400 จุดจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นความเชื่อมั่นนักลงทุน จึงทยอยหายไปเรื่อยๆ และกดดันในมุมของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่อยู่ ระดับ 4.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น Turnover SETรายปีที่ระดับ 61.9%(Ytd) ซึ่งต่ำกว่า ระดับปกติในปีก่อนหน้าที่ Turnover SETจะอยู่ระดับ 80%-110%
ึ่งการที่มูลค่าซื้อขายหายไป ทำให้การ Short sellingและ Program trading(HFT) มี ผลต่อภาพรวมตลาดฯผันผวนกว่าปกติ อาทิ ราคาหลุดแนวรับสำคัญ หลังจากนั้น จะถูกแรงขายกดดันให้ลงลึกกว่าปกติ
อย่างไรก็ตามวานนี้ ตลท. เปิดเผยมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นเรื่อง Short Selling และ Program Trading โดยมีรายละเอียด 3 ข้อ ดังนี้
1. Short selling ปรับคุณสมบัติหุ้นที่สามารถขาย Short ได้ เพิ่มระดับมูลค่าตลาด เป็น 7.5 พันล้านบาท จากเดิม 5.0 พันล้านบาท และ เพิ่มเกณฑ์สภาพคล่อง โดยหุ้นที่ จะ Short ได้ ต้องมีสัดส่วนปริมาณซื้อขายหุ้นต่อเดือน/ปริมาณหุ้นจดทะเบียน (Monthly Turnover) > 2%
2. Program trading สำหรับการขาย Short หุ้นที่ราคาปรับลงมากกว่า 10% ของวัน ก่อนหน้า กำหนดให้ราคาขาย Short ต้องสูงกว่าราคาล่าสุด (Uptick Rule)
และ กำหนดเพดานสูงสุดในการขาย Short รายหลักทรัพย์ในแต่ละวัน อีกทั้งยัง เปิดเผยข้อมูลรายวันของยอดสะสมปริมาณขาย Short ที่ยังไม่ได้ซื้อคืน
3. มาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน อาทิ ส่งข้อมูลผู้ลงทุนที่มี พฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสมให้แก่บริษัทสมาชิก, เปิดเผยรายชื่อผู้ถือ NVDR ตั้งแต่ 0.5% แต่ไม่น้อยกว่า10 ราย
ึ่งกระบวนการถัดไป คือ การรับฟัง Hearing จากผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ได้ระบุวัน-เวลา ที่แน่ชัด ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวมี 2 กลุ่ม คือ
1. หุ้นขนาดใหญ่สภาพคล่องไม่สูงมาก AOT, INTUCH, DELTA, BJC, CPAXT, BDMS, AEONTS, MBK, SCC, OR
2. หุ้นที่ถูก Short เยอะในก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงตั้งแต่ต้นปี(Ytd) ลุ้นมี โอกาสถูก Cover Short ได้ในระยะถัดไป อาทิ BTS BANPU BTG COM7 RATCH เป็นต้น
สรุป ตลาดหลักทรัพย์ เรียกความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย หลังออกแนวทางแก้ไขปัญหา การ Short selling และ Program trading ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ Flow ต่างชาติไหลเข้า หุ้นไทยในระยะถัดไป (สังเกตจากที่ซื้อสุทธิมาแล้ว 2 วันติดต่อกัน ราว 1 หมื่นล้านบาท)
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities