Oil in focus / Short selling
ŞET: คาด SET Index เปิดตลาดถูกกดดันจากกลุ่ม Oil & Gas หลังราคา น้ํามันดิบร่วงแรงเมื่อคืนนี้ นอกจากนั้น ยังต้องจับตาการอ่อนค่าของเงิน บาทที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้อีกด้วย อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ยังคงเป็นตัวช่วย ประคับประคองด้าน Sentiment ได้แก่การปรับตัวลงของ Bond yield ซึ่งล่าสุดทําจุดต่ําสุดใหม่อีกครั้ง ส่วนหนึ่งเกิดจากตัวเลขการจ้างงาน ภาคเอกชนของสหรัฐฯ (ADP) ที่ออกมาต่ําคาดเมื่อคืนนี้
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ แนะถือครองหุ้นในส่วนเดิมต่อไป มองกลุ่มหุ้น ที่น่าสนใจประจําเดือนนี้ได้แก่
1) กลุ่มหุ้นที่คาดว่าอาจเป็นเป้าหมายของเม็ดเงินกองทุน TESG อาทิ PTT (BK:PTT), ADVANC, PTTEP, CPALL (BK:CPALL), SCC, KBANK (BK:KBANK), KTB, CRC, OR, PTTGC
2) กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะเห็นแรงส่งจากมาตรการทางการคลัง โดยเฉพาะ กลุ่มที่อิงกับการบริโภคภายในประเทศ ได้แก่ CPALL, CPAXT, BJC, HMPRO, GLOBAL, DOHOME, CRC, COM7
3) กลุ่มที่น่าสนใจสําหรับการเก็งกําไรได้แก่ กลุ่มที่เราคํานวณว่าจะถูก นําเข้าสู่ดัชนีสําคัญในรอบถัดไปแน่นอนแล้ว ไม่ว่าตลท.จะใช้ Scenario ไหนก็ตาม ซึ่งได้แก่ KCE สําหรับ SET50 และ ITC, SISB, SAPPE, RBF, ICHI, MOSHI สําหรับ SET100 ติดตาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Oil: ราคานํามันปรับลงแรงเมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกนํามันเบนซิน เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าสต็อกน้ํามันดิบจะลดลงมากกว่า คาดก็ตาม นอกจากนั้นยังมีเหตุผลในเรื่องของ Algorithmic trading ที่มี การเปิดสถานะ Short ในลักษณะของ Momentum trading ด้วย ไม่นับ รวมกับเงิน USD ที่แข็งค่าต่อเมื่อคืนนี้
Our take: ประเมินกลุ่มหุ้น Oil & Gas ของไทยถูกกดดันในช่วงเปิด ตลาดเช้าวันนี้ ในทางกลับกัน มองกลุ่มหุ้นที่ใช้น้ํามัน/ก๊าซเป็นต้นทุน เช่น โรงไฟฟ้า เป็นกลุ่มที่น่าจะได้ Sentiment เชิงบวกจากการปรับลงของราคา น้ํามันในช่วงนี้ ซึ่งเมื่อไปประกอบกับ Bond yield ที่ทําจุดต่ําสุดต่อเนื่อง ด้วย ทําให้กลุ่มนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกตามมาตรวัด Yield gap BGRIM และ GPSC ยังคงเป็นตัวเลือกเด่นสําหรับกลุ่มนี้ต่อไป
Short selling: มีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้นในฝั่งธุรกรรม Short selling ของ ไทย หลังยอด Short selling รายวันอยู่ต่ํากว่าระดับ 4 พันล้านบาทเป็น วันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว และเมื่อคิดเป็นอัตราส่วนต่อวอลุ่มการซื้อขาย ทั้งหมด ทําให้สัดส่วนธุรกรรมนี้อยู่ต่ํากว่าระดับ 10% เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าอุปสรรคของตลาดหุ้นไทยจะเริ่มมีน้อยลง และน่าจะทําให้ดัชนี SET ทยอยไต่ระดับขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่มีเม็ดเงินใหม่ของกองทุน TESG เข้ามาตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.นี้ ซึ่งก็ จะทําให้อัตราส่วนธุรกรรม Short selling นี้มีอิทธิพลน้อยลงไปอีก
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities