🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

HIGH ESG + HIGH FREE FLOAT = HIGHER PRICE SET INDEX 

เผยแพร่ 22/11/2566 09:20
SETI
-

ปรับขึ้นมายืนเหนือ 1420 จุดได้ แต่ด้วยมูลค่าการซั้อขายที่บางกว่า ปกติ ทำให้ความหนักแน่นของสัญญาณบวกที่เรารอมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ประเมินจากปัจจัยพื้นฐานที่เป็นบวก เริ่มจากทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งเราใช้คำว่ารอ ปรับตัวลดลง การเกิดขึ้นของTHAILAND ESG FUND รวมกับการที่เรากำลังจะ สร้าง SET50FF และ SET100FF นอกจากจะทำให้ภาพรวมตลาดฯ สามารถพยุง ตัวอยู่ในทิศทางขึ้นแล้ว ยังทำให้เราสามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ หลากหลาย โดยมุมแรกบนความเชื่อว่าดอกเบี้ยรอการปรับลดลง จะทำให้เม็ด เงินเริ่มสลับออกจากหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหญ่ มาสู่ธนาคารขนาดเล็ก และกลุ่ม NON BANK ส่วนการเกิดขึ้นของ กองทุน ESG และ ดัชนีADJUSTED FREE FLOAT น่าจะทำให้หุ้นที่มีจุดเด่นทั้ง 2 เรื่องเด่น ซึ่งเราได้คัดกรองเตรียมไว้ ให้นักลงทุนพิจารณาเลือกลงทุน ในรายงานฉบับนี้แล้ว

การที่ SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1420 จุดได้ แม้มูลค่าการซื้อขายบางกว่า ปกติ ก็ถือเป็นสัญญาณบวกในเบื้องต้น คาด SET INDEX แกว่งตัวทิศทางขึ้น กรอบ 1410 –1430 จุด TOP PICK เลือก BH, CPN และ GULF

ดอกเบี้ยขาขึ้นจบแล้ว ?

รายงานผลการประชุม FOMC MINUTE เผย FED ยังดำเนินนโยบายการเงินอย่าง ระมัดระวังต่อไป หลังภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใน 3Q66 ที่ดูดี แต่ในอีกมุมของ ดอกเบี้ยสูงได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อหลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการบริโภคและธุรกิจ อย่างใรก็ตาม การดำเนินนโยบายการเงินทุกครั้งของ FED จะต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามาด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ สำนักเศรษฐกิจหลายแห่งเชื่อว่า เพดานดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้จะอยู่ที่ 5.5% (DOT PLOTS คาด 5.6%)

ในส่วนของบ้านเราเริ่มเห็นสัญญาณขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น้อยลงเรื่อยๆ โดย ล่าสุด GDP ไทยใน 3Q66 โตเพียง 1.5%YOY ต่ำสุดของปี รวมถึงเงินเฟ้อเดือน ต.ค. -0.31%YOY ซึ่งหากนับต้งแต่ต้นปีขยายตัวเพียง 1.6% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-3%

ภาวะดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ กนง. คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% ในการประชุม นโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ (วันที่ 29 พ.ย.) แต่ก็มีโอกาสที่คณะกรรมการจะ เสียงแตกในรอบนี้ และอาจเห็นภาพการลดดอกเบี้ยในระยะถัดไปได้ อีกทั้งเมื่อ พิจารณาจากข้อมูลในอดีต พบว่า กนง. มักจะลดดอกเบี้ยภายใน 0-2 เดือน หลัง ผลต่างของ BOND YIELD 10Y – POLICY RATE ของไทย ต่ำกว่า 50 BPS. จนถึง 0 ประเด็นนี้ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดฯ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ประเมินตามกลไกดอกเบี้ยที่ ลดลง 25 BPS. (จาก 2.5% เป็น 2.25%) มีโอกาสที่จะเป็นแรงผลักให้ SET INDEX ปรับตัวสูงขึ้น 78 จุด และผลักดันไปสู่ดัชนีเป้าหมายปีหน้าที่ 1717 จุด

สรุป ท่ามกลางการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ช่วงหนุนให้ธนาคารกลาง หลายแห่งพิจารณาดำเนินนโยบายเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ทั้ง FED รวมถึง BOT ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ คาดดอกเบี้ยที่ลดลง 25 BPS. (จาก 2.5% เป็น 2.25%) จะเป็นแรง ผลักให้ SET INDEX ปรับตัวสูงขึ้น 78 จุด ช่วยผลักดันไปสู่ดัชนีเป้าหมายปีหน้าที่ 1717 จุด

เตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เสนอ ครม.ต้นเดือน ธ.ค.66

วานนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานนำเรื่องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเข้ามา เสนอต่อที่ประชุม ครม. ภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ รับทราบแล้ว และ คาดจะสรุปรายละเอียดภายในเดือน พ.ย. 2566 โดยมีTIMELINE ดังนี้

• 27 พ.ย. 66 สรุปรายละเอียดอัตราค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานใน 77 จังหวัด

• 30 พ.ย. 66 กระทรวงแรงงาน หารือภายในถึงการพิจารณาอัตราค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานใน 77 จังหวัด

• 8 ธ.ค. 66 นัดประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง หรือคณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาอัตราค่าแรงขั้นต่ำ รอบใหม่

• 12 ธ.ค. 66 กระทรวงแรงงาน เสนอ ครม. พิจารณาอัตราค่าแรงขั้นต่ำ รอบใหม่

ส่วนเรื่องอัตราจ้างที่มีข่าวลือว่าจะเป็น 400 บาท/วันภายในปีหน้า หรือ 600 บาท/วัน ภายใน 4 ปี ยังไม่มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อ

โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่า กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะได้รับผลกระทบ หากนโยบายดังกล่าว เกิดขึ้นจริง คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มนิคม, กลุ่มอสังหาฯ, กลุ่มท่องเที่ยว/ เครื่องบิน, กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด หากลงทุนอยู่ในหุ้นกลุ่มดังกล่าว

สรุป ประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะเข้า ครม. ธ.ค.66 หากเกิดขึ้นจริง คาดผลกระทบ ในแต่ะละอุตสาหกรรมแตกต่างกันออกไป ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องติดตามประเด็นนี้ อย่างใกล้ชิด หากราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวตอบสนองต่อประเด็นนี้มากเกินไป ถือเป็น โอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง

หาหุ้นที่กองทุนซื้อแล้ว ซื้ออยู่ ซื้อต่อ

กองทุน THAIESG จะเริ่มขายวันที่ 1 ธ.ค. 66 ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทเป็นกองทุน ลดหย่อนภาษีในปี 2566 ถึง 2575 และในระยะยาวเข้ามาทดแทนกองทุน SSF ที่จะ หมดอายุสิ้นปี 2567 ดังนั้นการลงทุนของกองทุนน่าจะเอนเอียงไปในหุ้น หรือตราสาร หนี้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG มากขึ้น

กลับมาที่ตลาดหุ้นช่วงที่ตลาดหุ้นมีมูลค่าซื้อขายเบาบาง ฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้น ที่จะได้สภาพคล่องเพิ่มเติมจากกองทุนในช่วงที่เหลือของปีไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า หรือ “หาหุ้นที่กองทุนซื้อแล้ว ซื้ออยู่ ซื้อต่อ” มีรายละเอียดดังนี้

1. ซื้อแล้ว (เดือน พ.ย. 23) กองทุนเริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยในช่วง 5 วันทำการ ที่ผ่านมาทุกวัน มูลค่ารวม 2.5 พันล้านบาท ผลักดัน SET ปรับตัวเพิ่มขึ้น 37 จุด หรือ 2.6% มาอยู่ที่ 1423 จุด และมีโอกาสซื้อต่อจากกองทุน ACTIVE FUND ที่สัดส่วนเงินสดของกองทุนราว 4%

2. ซื้ออยู่ (เดือน ธ.ค. 23) คาดหวังเม็ดเงินใหม่จากกองทุน THAIESG เข้ามา หนุนในช่วงที่เหลือของปีราว 1 –2 หมื่นล้านบาท

2.1. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นนี้ ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าจะเป็นหุ้นขนาด ใหญ่ที่มี ESG SCORE สูงๆ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบ GULF, CPALL (BK:CPALL), SCC, CPN, CRC, EA, PTTGC, SCGP และอื่นๆ

2.2. ตราสารหนี้ที่ได้รับสนใจมากขึ้น คือ บริษัทจดทะเบียนที่ได้ออก ESG BOND ในช่วงที่ผ่านมา จะมีความต้องการ (DEMAND) ในการระดม ทุนเพิ่มเติม อาทิ EA, BEM, GPSC, TU, IVL, GULF, CPN, WHA ฯลฯ

3. ซื้อต่อ (เดือน ม.ค. 24) ในต้นปีหน้าตลาดหลักทรัพย์จะมีการจัดทำดัชนี SET50FF และ SET100FF ทำให้หุ้นสถาบันฯ ต้องมีการออกกองทุนใหม่อิง กับดัชนีนี้ซึ่งหุ้นใน SET100 ที่มี FREE FLOAT สูงจะได้รับการเพิ่มน้ำหนัก มากกว่าปกติ ซึ่งฝ่ายวิจัยทำการศึกษามาพบว่า มีหุ้นอยู่ 8 SECTOR ที่จะ ถูกปรับเพิ่มน้ำหนัก และหุ้นที่มี FREE FLOAT เยอะสุดในกลุ่มนั้นๆ คือ BANK เพิ่มน้ำหนัก (BBL), CONS (STEC), TOURISM (CENTEL), CONMAT (SCC), HELTH (BDMS), PROP (AMATA), AGRI (STA), COMM (CPALL) เป็นต้น

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่ามีหุ้นหลายบริษัทได้ประโยชน์จากประเด็น ดังกล่าว ฝ่ายวิจัยจึงทำการคัดกรองหาหุ้นที่มีทั้ง ESG SCORE สูง พร้อมกับ FREE FLOAT สูง น่าจะเป็นหุ้นที่ “กองทุนซื้อแล้ว ซื้ออยู่ ซื้อต่อ” ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี จนถึงช่วงต้นปีหน้า ได้ผลลัพธ์ คือ BANPU, SPALI, MINT, SCC, HANA, KBANK (BK:KBANK), SCB, BDMS, CPN, SIRI, AP, TISCO, BBL, AMATA, WHA

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย