Political scenario
• Political scenario: เราประเมินว่า หากภาวะการเมืองไทยจะดีขึ้นจนท่า ทางเมืองนี้ ให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนซึ่งเป็นช่วงสุญญากาศ อาจจําเป็นต้องเห็นการออกมาแสดงฉันทามติของพรรคฝ่าย ค้านบางพรรคในการที่จะสนับสนุนการโหวตคุณพิธาจากพรรคก้าวไกลเป็น นายกฯ หรืออีกในกรณีหนึ่งอาจต้องเห็นการออกมาแสดงตนของสว.ในการ ที่จะโหวตให้กับนายกฯที่มาจากพรรคเสียงข้างมากในระดับ 30-40 เสียง ขึ้นไป ซึ่งนั่นอาจเกิดขึ้นได้หากพรรคก้าวไกลมีการลดจุดยืนในบางประเด็น อย่างเช่นการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นประเด็นที่ส.ว.หลายคนต่างยกมา เป็นเหตุผลในการที่จะไม่เลือกโหวตให้กับว่าที่นายกฯดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ เราแนะนําาให้ติดตามพัฒนาการของการเมืองไทยในช่วงสุดสัปดาห์นี้ไป จนถึงวันจันทร์หน้าอย่างใกล้ชิด ว่า MOU ที่เขียนโดยพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมกันนั้น จะมีการพูดถึงและวาง Roadmap เกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างไร ซึ่งหากไม่มีการพูดถึงเลย มองจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นใน ระยะสั้นได้ เนื่องจากอาจเป็นตัวเปิดทางไปสู่การปลดล็อคทางการเมืองใน อนาคต นอกจากนั้น แนะนําติดตามแนวนโยบายอื่นๆที่จะมีผลกระทบต่อ อุตสาหกรรมและบจ.ต่างๆในอนาคต อย่างเช่น นโยบายทางด้านพลังงาน เป็นต้น
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ เรามองว่าเพื่อความปลอดภัย อาจยังจําเป็นที่ จะต้องหลีกเลี่ยงหรือ Underweight กลุ่มหุ้นที่อาจถูกปรับเปลี่ยน โครงสร้างในระยะยาวจากนโยบายพรรคแกนนําก้าวไกล อย่างเช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มที่อิงกับสัญญาสัมปทานและการประมูล ต่างๆ รวมถึงกลุ่มผู้เล่นผูกขาด/กึ่งผูกขาดในอุตสาหกรรมที่อาจถูกเปิดเสรี มากขึ้น และมองเช่นเดิมว่า หากต้องการเข้าซื้อหุ้นที่ปรับลงมาแรงใน สัปดาห์นี้รับข่าวผลการเลือกตั้ง น่าจะมองไปยังหุ้นในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับ พรรคการเมืองที่เจอกับความผิดหวังจากการเลือกตั้งในรอบนี้ แต่ไม่ได้อยู่ ในกลุ่มอุตสาหกรรรมที่มีความเสี่ยง อย่างเช่น PR9, SC, SIRI เป็นต้น ส่วนนอกเหนือจากหุ้นในกลุ่มนี้ เรามองว่าในภาพรวม ยังสามารถที่จะ พิจารณารอการเพิ่มน้ําหนักในหุ้นไทยไว้ก่อนได้ เนื่องจากดัชนีปัจจุบัน ยังคงอยู่สูงกว่าระดับดัชนีที่เหมาะสมในกรณีฐานของเราใหม่ที่ 1490 จุด
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities