รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

มาอัพเดตข่าวเกี่ยวกับ SVB กันต่อครับ Part 2

เผยแพร่ 13/03/2566 19:03
อัพเดท 09/07/2566 17:32

มาอัพเดตข่าวเกี่ยวกับ SVB กันต่อครับ Part 2

บริษัทการร่วมลงทุนและบริษัทการลงทุนกว่า 100 แห่งได้ลงนามในแถลงการณ์สนับสนุนซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ท่ามกลางการเรียกร้องให้มีการจำกัดผลกระทบจากเหตุการณ์ SVB ล้ม และหลีกเลี่ยงการเกิดหายนะกับบริษัทเทคโนโลยี

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า บริษัทการร่วมลงทุนประมาณ 125 แห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทซีคัวญ่า แคปิตอล (Sequoia Capital) ได้พร้อมใจกันลงนามในแถลงการณ์สนับสนุน SVB ณ เมืองซานฟรานซิสโกในช่วงบ่ายวันเสาร์ (11 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐ โดยมีบริษัทเจเนอรัล คาตาลิสต์ (General Catalyst) รับหน้าที่เป็นหัวหอก

เนื้อความในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ SVB ในวันพฤหัสบดีและศุกร์ที่ผ่านมานั้น "น่าผิดหวังและน่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง" พร้อมระบุว่า นักลงทุนจะยังรักษาความสัมพันธ์กับ SVB เอาไว้ หากธนาคารแห่งดังกล่าวถูกซื้อต่อโดยบริษัทอื่น

ในวันเดียวกัน วาย คอมบิเนเตอร์ (Y Combinator) ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปที่เพิ่งก่อร่างสร้างตัวได้ทำการยื่นรายชื่อผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัทจำนวนหลายร้อยรายต่อนางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐและเจ้าหน้าที่กำกับดูแลกฎระเบียบรายอื่น ๆ โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยคลี่คลายผลกระทบที่สำคัญต่อธุรกิจขนาดเล็ก สตาร์ตอัป และพนักงานที่ฝากเงินกับ SVB ทันที

อนึ่งเหตุการณ์ SVB ล้มนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงดึกวันพุธที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ เมื่อ SVB สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักลงทุนด้วยการระบุว่า ทางธนาคารมีความจำเป็นที่จะต้องระดมทุน 2.25 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้ในการพยุงงบดุล จากนั้น SVB ก็ล้มลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการล่มสลายของธนาคารที่เติบโตมาเคียงข้างกับลูกค้ากลุ่มเทคโนโลยี

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ได้ดำเนินการจ่ายเงินโบนัสประจำปีให้กับพนักงาน ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบสหรัฐจะเข้ายึดธนาคารแห่งดังกล่าว

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ปกติแล้ว SVB จะจ่ายเงินโบนัสประจำปีให้กับพนักงานในวันศุกร์ที่สองของเดือนมี.ค.ในแต่ละปี โดยการจ่ายเงินโบนัสครั้งล่าสุดนี้เป็นเงินโบนัสสำหรับการทำงานในปี 2565 โดย SVB ได้ดำเนินขั้นตอนการจ่ายเงินโบนัสเป็นเวลาหลายวันก่อนที่ธนาคารจะล้ม

วันจ่ายเงินโบนัสในปีนี้กลายเป็นวันอิสรภาพวันสุดท้ายของ SVB โดยบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ได้เข้ายึด SVB ในช่วงเที่ยงวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.ตามเวลาสหรัฐ

ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุจำนวนเงินโบนัสทั้งหมดที่ SVB จ่ายให้กับพนักงานได้ แต่กลาสดอร์ดอตคอมเปิดเผยว่า SVB จ่ายเงินโบนัสให้พนักงานประจำ 12,000 ดอลลาร์และ 140,000 ดอลลาร์สำหรับกรรมการผู้จัดการ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากอีเมลที่บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ส่งถึงพนักงานซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ที่ระบุว่า FDIC เสนอจ้างพนักงาน SVB เป็นเวลา 45 วัน โดยจะให้ค่าจ้าง 1.5 เท่าของเงินเดือนปกติ

ทั้งนี้ FDIC จะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการให้พนักงานทราบภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) ซึ่งเป็นอดีตบริษัทแม่ของ SVB จะรับผิดชอบแจ้งรายละเอียดเรื่องการดูแลสุขภาพ โดย SVB มีพนักงานทั้งสิ้น 8,528 ราย ณ สิ้นปีที่แล้ว

รายงานระบุว่า พนักงานได้รับแจ้งให้ทำงานจากที่บ้านต่อไป ยกเว้นพนักงานที่จำเป็นและพนักงานประจำสาขา

อย่างไรก็ตาม FDIC ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ธนาคารในเครือเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) จากรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนด้วยการประกาศในวันพุธที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ธนาคารมีความจำเป็นที่จะต้องระดมทุนเพิ่ม 2.25 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้ในการพยุงงบดุล

ในช่วงเวลาเพียง 48 ชั่วโมงได้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นในชุมชนธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital : VC) ที่ SVB เป็นผู้ให้บริการ จนนำไปสู่จุดจบของธนาคารที่ดำเนินกิจการมานานถึง 40 ปีแห่งนี้

หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบสหรัฐสั่งปิด SVB ในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. พร้อมยึดเงินฝากทั้งหมด ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ธนาคารล้มครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อปี 2551 และเป็นเหตุการณ์ธนาคารล้มครั้งใหญ่ที่สุดอันดับสองของหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐ

เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นผลกระทบระลอกล่าสุดจากการดำเนินการสกัดเงินเฟ้อ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเข้มงวดที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และอาจสร้างแรงกระเพื่อมแบบเป็นวงกว้าง โดยขณะนี้เกิดความวิตกกังวลว่า บรรดาสตาร์ตอัปทั้งหลายอาจไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนนักลงทุนอาจเผชิญความยากลำบากในการระดมทุน และภาคส่วนที่ประสบปัญหาอยู่แล้วอาจถูกซ้ำเติมมากยิ่งขึ้น

สาเหตุที่ทำให้ SVB ล่มสลายนั้นเกิดจากภาวะคลาดเคลื่อน (Dislocation) ที่จุดชนวนจากการที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยลูกค้าที่เป็นสตาร์ตอัปของ SVB ต้องทำการถอนเงินฝาก เพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับบริษัท ท่ามกลางภาวะแวดล้อมที่ไม่เป็นใจต่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และการระดมทุนจากภาคเอกชน เป็นผลให้ SVB ขาดเงินทุนจนต้องขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ธนาคารถือครองเอาไว้ในราคาขาดทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์

รายงานระบุว่า SVB ได้ขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่ราคาขาดทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นสูงมาก โดยตามหลักการแล้วราคาพันธบัตรรัฐบาลกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะสวนทางกัน

แหล่งข่าวระบุว่า SVB ต้องการเงินทุนแบบกะทันหันในช่วงที่ซิลเวอร์เกต แคปิตอล (Silvergate Capital) ผู้ปล่อยสินเชื่อรายสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่งประกาศเมื่อวันพุธที่ 8 มี.ค.ว่า บริษัทจะยุติการดำเนินงานและขายสินทรัพย์ของธนาคารซิลเวอร์เกต แบงก์ (Silvergate Bank) เพื่อชำระหนี้ ซึ่งจุดชนวนให้เกิดกระแสแห่ถอนเงินฝากอีกระลอก เนื่องจากธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital : VC) สั่งการให้บริษัทที่ดูแลพอร์ตลงทุนของตนเองโยกย้ายเงินทุน โดยกระแสแห่ถอนเงินที่ SVB อาจสร้างความเสี่ยงใหญ่หลวงต่อสตาร์ตอัปที่ไม่สามารถถอนเงินฝากของตนเองได้

ด้านลูกค้าของ SVB ระบุว่า นายเกร็ก เบกเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SVB ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าได้ หลังจากที่เขาออกมาเรียกร้องให้ลูกค้าอยู่ในความสงบ

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่า คณะกรรมการผู้ว่าการเฟดจะจัดการประชุมแบบปิดภายใต้ขั้นตอนเร่งด่วน (Expedited Procedures) ในเวลา 11.30 น.ของวันจันทร์ที่ 13 มี.ค.ตามเวลาสหรัฐ

ทั้งนี้ เฟดระบุในแถลงการณ์ว่า การประชุมดังกล่าวหลัก ๆ แล้วจะเป็นการทบทวนและตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าและอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (Advance and Discount Rate)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เฟดไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นใดเพิ่มเติม แต่ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังธุรกิจธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ล้มเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ธนาคารล้มครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อปี 2551 โดยได้สั่นคลอนตลาดเงินทั่วโลก รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารและทำให้ผู้ประกอบการภาคเทคโนโลยีในรัฐแคลิฟอร์เนียวิตกกังวลเรื่องการจ่ายเงินเดือนพนักงาน

บรรดาผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัปในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐต่างตื่นตระหนกเกี่ยวกับการเข้าถึงเงินฝากที่ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และการจ่ายเงินเดือนพนักงาน โดยความวิตกกังวลได้ลามไปถึงแคนาดา อินเดีย และจีน โดยในอังกฤษ SVB ได้วางแผนที่จะประกาศล้มละลายเร็ว ๆ นี้ พร้อมทั้งยุติการเทรดดิ้งและไม่รับลูกค้ารายใหม่แล้ว โดยเมื่อวันเสาร์ (11 มี.ค.) ผู้นำบริษัทเทคโนโลยีประมาณ 180 แห่งได้ส่งจดหมายเรียกร้องให้นายเจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษเข้าแทรกแซง

"การสูญเสียเงินฝากครั้งนี้เสี่ยงที่จะทำลายภาคเทคโนโลยีและทำให้ระบบนิเวศถอยหลังไป 20 ปี" ผู้นำบริษัทเทคโนโลยีในอังกฤษระบุในจดหมาย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เนื่องจาก SVB มีสาขาอยู่ในจีน เดนมาร์ก เยอรมนี อินเดีย อิสราเอล และสวีเดนด้วย โดยเหล่าผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีออกโรงเตือนว่า กรณี SVB ล้มอาจทำลายสตาร์ตอัปทั่วโลก หากรัฐบาลไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ขณะเดียวกันเอสพีดี ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SSVB) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในจีนของ SVB กับธนาคารเพื่อการพัฒนาเซี่ยงไฮ้ผู่ตงของจีน ได้ออกมาคลายความกังวลต่อลูกค้าเมื่อวานนี้ว่า SSVB ยังคงมีโครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีงบดุลบัญชีสำหรับการดำเนินงานที่แยกเป็นอิสระ

"วิกฤตครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นในวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. ดังนั้นเราขอให้คุณป้องกันเข้ามาป้องกันเสียตั้งแต่บัดนี้" บรรดาผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทสตาร์ตอัปในอังกฤษระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายฮันต์ โดยบริษัทที่ร่วมลงนามในจดหมายฉบับดังกล่าวได้แก่ อันแคปท์ (Uncapped), เอเพียน (Apian), พ็อกคิต (Pockit) และพิวะเทิล เอิร์ธ (Pivotal Earth)

นายฮันต์ได้หารือกับผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เกี่ยวกับสถานการณ์ของ SVB ในช่วงเช้าวันเสาร์ และจัดประชุมกับบริษัทที่ได้รับผลกระทบในวันเดียวกัน

ต่อมาในวันนี้ (12 มี.ค.) นายฮันต์ระบุว่า เขากำลังทำงานเกี่ยวกับแผนการที่จะหลีกเลี่ยงหรือจำกัดความเสียหายจากวิกฤตของธุรกิจ SVB ในอังกฤษ

ขณะที่เหล่าผู้นำเทคโนโลยีของเอเชียต่างเร่งประเมินผลกระทบจากวิกฤต SVB โดยนักการเงินและผู้ประกอบการได้รวมตัวกันที่งานเลี้ยงศิษย์เก่าวอร์ตันในสิงคโปร์ เพื่อแบ่งปันข่าวสารเกี่ยวกับผลกระทบจาก SVB ส่วนผู้ก่อตั้งและนักลงทุนธุรกิจสตาร์ตอัปจัดประชุมในเมืองมุมไบของอินเดีย เพื่อหารือเรื่องเดียวกัน

"เราไม่อาจดูเบาผลกระทบที่วิกฤต SVB จะมีต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี" นักวิเคราะห์ที่นำโดยนายหลิว เจิ้งหนิงจากบริษัทไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอลกล่าว โดยเงินฝากถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับสตาร์ตอัปเทคโนโลยี เพราะธุรกิจเหล่านี้ต้องการเงินจำนวนมาก เพื่อนำมาใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ เช่น การวิจัยและการพัฒนา ตลอดจนถึงเงินเดือนพนักงาน

"หากสุดท้ายแล้วเงินฝากเหล่านี้ลดน้อยลงภายใต้กระบวนการล้มละลายหรือปรับโครงสร้าง บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งอาจเผชิญภาวะตึงเครียดด้านกระแสเงินสดอย่างหนัก และอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะล้มลาย"

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย