รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ก่อนการประกาศดัชนี CPI ของสหรัฐในคืนนี้

เผยแพร่ 13/09/2565 18:48
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้

ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 28,556.21 จุด เพิ่มขึ้น 14.10 จุด หรือ +0.05%

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มขนส่งทางบก และกลุ่มขนส่งทางอากาศ

ส่วนหุ้นลบนำตลาดได้แก่กลุ่มเครื่องมือชั่งตวงวัด, กลุ่มอุปกรณ์การขนส่ง และกลุ่มประกันภัย

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,272.05 จุด เพิ่มขึ้น 10 จุด หรือ +0.31%

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยบรรยากาศการซื้อขายได้แรงหนุนจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 19,404.64 จุด เพิ่มขึ้น 42.39 จุด หรือ +0.22%

นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลง และจะช่วยลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 28,556.21 จุด เพิ่มขึ้น 14.10 จุด หรือ +0.05%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,272.05 จุด เพิ่มขึ้น 10 จุด หรือ +0.31% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,404.64 จุด เพิ่มขึ้น 42.39 จุด หรือ +0.22%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI เดือนส.ค.จะปรับตัวขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.5% ในเดือนก.ค.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ของออสเตรเลียจากเวสต์แพค, อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของเยอรมนี, อัตราว่างงานเดือนก.ค.ของอังกฤษ และดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของยูโรโซนจากสถาบัน ZEW

ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนส.ค. เนื่องจากยอดขายยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนส่งสัญญาณผ่อนคลายลง

ผลสำรวจจากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ที่เปิดเผยในวันนี้ระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 1 จุด แตะที่ +20 จุดในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวอย่างมาก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้น 2 จุด แตะที่ +10 ในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว

นายอลัน ออสเตอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAB กล่าวว่า "โดยรวมแล้ว ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า อุปสงค์ยังคงแข็งแกร่งในเดือนส.ค."

นายออสเตอร์ระบุเสริมว่า "เรายังคงคาดว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลกระทบต่องบประมาณของภาคครัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจนถึงขณะนี้สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 5 ครั้งแล้วนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. โดยปรับขึ้นทั้งสิ้น 2.25% สู่ระดับ 2.35% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก

สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยมุ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ดูเหมือนไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะยับยั้งการทรุดตัวของค่าเงินดังกล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลงประมาณ 3% นับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องแทบไม่ช่วยสกัดการอ่อนค่า โดยธนาคารคอมมอนเวลธ์ ออฟ ออสเตรเลีย คาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะร่วงแตะ 62 เซนต์สหรัฐภายในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563

สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียได้รับผลกระทบในช่วงที่เศรษฐกิจโลกซบเซา เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่เชื่อมโยงกับทรัพยากร ซึ่งอ่อนไหวต่อความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโลก โดยดอลลาร์ออสเตรเลียอาจประสบปัญหามากขึ้น หากออสเตรเลียรายงานการจ้างงานเดือนส.ค.ที่อ่อนแอลงเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ หลังหดตัวแบบไม่คาดหมายในเดือนก.ค.

"นโยบายของแบงก์ชาติส่งผลต่อดอลลาร์ออสเตรเลียในวงจำกัดเท่านั้น โดยดอลลาร์ออสเตรเลียไม่เคยทำผลงานดีในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหรือถดถอย ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง" นายเรย์ อัตทริลล์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ปริวรรตเงินตราของบริษัทเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ กล่าว

สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะขาลงนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. โดยมีแนวโน้มแตะระดับสนับสนุนที่ระดับต่ำสุดของเดือนก.ค.ที่ 0.6682 เซนต์สหรัฐ โดยการหลุดระดับดังกล่าวจะเปิดทางให้ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงสู่ 0.6464 เซนต์สหรัฐ

สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแม้แบงก์ชาติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมทั้งหมด 2.25% นับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี แต่ดอลลาร์ออสเตรเลียกลับร่วงเกือบ 1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

นายอเล็กซ์ จอยเนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอฟเอ็ม อินเวสเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.4% ในการประชุมนโยบายเดือนต.ค.นี้ และสิ้นสุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ในเดือนพ.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจของออสเตรเลียมีความแตกต่างจากหลายประเทศ

ทั้งนี้ การคาดการณ์ของนายจอยเนอร์นั้นเป็นไปในเชิงรุกมากกว่าการคาดการณ์ถึงการปรับขึ้น 0.25% ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับการส่งสัญญาณของนายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียที่ชี้ว่า RBA อาจลดขนาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ติดต่อกัน 4 ครั้ง

นายโลว์เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้น แนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยลงก็เพิ่มมากขึ้น โดยสวนทางกับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ในปลายเดือนต.ค.นี้

นอกจากนี้ นายจอยเนอร์เน้นย้ำว่า RBA ต้องการรักษาเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ ในขณะที่ เจ้าหน้าที่นโยบายการเงินในประเทศอื่น ๆ มุ่งมั่นที่จะเอาชนะปัญหาเงินเฟ้อให้ได้โดยเร็ว แม้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ตาม

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเช้าวันนี้ตามดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 28,589.11 จุด เพิ่มขึ้น 47.00 จุด หรือ +0.16%

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางบก, กลุ่มขนส่งทางอากาศ และกลุ่มขนส่งทางทะเล

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบกลาง 142 เยน โดยนักลงทุนชะลอการลงทุนขณะที่จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนนี้

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 142.57-142.58 เยน เทียบกับ 142.77-142.87 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 142.76-142.78 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น. ของเมื่อวานนี้

ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.0131-1.0132 ดอลลาร์และ 144.44-144.46 เยน เทียบกับ 1.0117-1.0127 ดอลลาร์และ 144.52-144.62 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.0175-1.0177 ดอลลาร์และ 145.26-145.30 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานนี้

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,441.45 จุด เพิ่มขึ้น 79.20 จุด หรือ +0.41%

ทั้งนี้ นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐจะชะลอตัวลง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,441.45 จุด เพิ่มขึ้น 79.20 จุด หรือ +0.41%, ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ 28,589.11 จุด เพิ่มขึ้น 47.00 จุด หรือ +0.16% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,272.72 จุด เพิ่มขึ้น 10.66 จุด หรือ +0.33%

ทั้งนี้ นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลดัชนี CPI ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI เดือนส.ค.จะปรับตัวขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.5% ในเดือนก.ค.

นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายใช้นโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ หลังจากข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า การเดินทางและการใช้จ่ายยังคงทรุดตัวลงในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนระบุว่า รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์ (Mid-Autumn Festival) ปีนี้ลดลง 22.8% สู่ระดับ 2.87 หมื่นล้านหยวน (4.1 พันล้านดอลลาร์) จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2562 รายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ทรุดตัวลง 39.4% และทรุดตัวลงรุนแรงกว่าในปีที่แล้วซึ่งปรับตัวลง 21.4% ส่วนจำนวนทริปการท่องเที่ยวของจีนในช่วงวันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ลดลง 16.7% สู่ระดับ 73.4 ล้านทริปเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ นายหลี่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเพิ่มความพยายามในการแก้ปัญหาภาวะอุปสงค์ซบเซาภายในประเทศ และผลักดันการอุปโภคบริโภคให้เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น โดยนายหลี่ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าเพิ่มการลงทุนเพื่อกระตุ้นอุปสงค์และฟื้นฟูความเชื่อมั่น

นอกจากนี้ นายหลี่กล่าวว่า จีนจะใช้มาตรการที่หลากหลายเพื่อให้การเติบโตของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ โดยเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความผันผวนเล็กน้อยในช่วงที่กำลังฟื้นตัว และเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะสำคัญที่จะต้องใช้มาตรการเร่งด่วน

เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงในทุก ๆ ด้าน โดยกิจกรรมในภาคโรงงานหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนส.ค. ขณะที่ยอดส่งออกชะลอตัวลงมากกว่าคาด ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และการปล่อยกู้ในภาคธนาคารชะลอตัวลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอในระบบเศรษฐกิจจีน

นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเพียง 3.5% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ 5.5%

จีนประกาศยกระดับการเฝ้าระวังพายุ "หมุ่ยฟ้า" ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 12 ของปีนี้ขึ้นสู่ระดับสีส้มในเมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) โดยคาดว่า พายุจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่มณฑลเจ้อเจียงในวันนี้

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (NMC) ของจีนระบุว่า ลมพายุกำลังแรงจะพัดเข้าสู่บริเวณชายฝั่งของไต้หวัน เจ้อเจียง ฟูเจียน เซี่ยงไฮ้ และเจียงซู ตั้งแต่บัดนี้จนถึงช่วงบ่ายวันพุธนี้ และคาดว่าจะมีฝนตกหนักปกคลุมทั่วพื้นที่ของไต้หวัน เจ้อเจียง เซี่ยงไฮ้ เจียงซู ชานตง และเหลียวหนิง ในช่วง 3 วันข้างหน้า

ทั้งนี้ NMC ได้แนะนำให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมมาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือกับพายุไต้ฝุ่น และหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงที่มีลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประเทศจีนมีระบบเตือนภัยสภาพอากาศแบบรหัสสีทั้งหมด 4 ระดับ โดยสีแดงแสดงถึงการเตือนภัยขั้นรุนแรงที่สุด รองลงมาคือสีส้ม สีเหลือง และสีน้ำเงิน

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดในแดนบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียซึ่งเปิดบวกในวันนี้ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลง และจะช่วยลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดวันนี้ที่ 60,408.29 จุด เพิ่มขึ้น 293.16 จุด หรือ 0.49%

หุ้น Bajaj Finance ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.56% หุ้น Titan Company ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.39% และหุ้น Dr. Reddys ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.88%

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มขนส่งได้รับอานิสงส์จากข่าวที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศตามมาตรการสกัดโควิด-19 อย่างไรก็ดี ตลาดปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 28,614.63 จุด เพิ่มขึ้น 72.52 จุด หรือ +0.25%

สำนักข่าวฟูจิ นิวส์ เน็ตเวิร์กของญี่ปุ่นรายงานในเมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังวางแผนที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากบางประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ภายใต้ความพยายามในการผ่อนปรนมาตรการควบคุมพรมแดนที่บังคับใช้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุนอาจตัดสินใจเรื่องการยกเว้นวีซ่าในสัปดาห์นี้เป็นอย่างเร็ว ซึ่งจะอนุญาตให้นักเดินทางสามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยไม่ต้องจองผ่านบริษัทด้านการเดินทางอีกต่อไป โดยญี่ปุ่นอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจาก 68 ประเทศและดินแดนเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด

ขณะที่ หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 ก.ย.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจยกเลิกเพดานนักท่องเที่ยวขาเข้าภายในเดือนต.ค.นี้

นายเซจิ คิฮาระ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์เมื่อวานนี้ว่า "เงินเยนอ่อนค่าถือเป็นปัจจัยที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดีที่สุด" พร้อมเสริมว่า ญี่ปุ่นต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

อนึ่ง ญี่ปุ่นเพิ่งประกาศเพิ่มเพดานต้อนรับนักท่องเที่ยวขาเข้าประเทศรายวันเป็น 50,000 รายจากเดิม 20,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมยกเลิกข้อกำหนดแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง ซึ่งถือเป็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนที่เข้มงวดที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางบก, กลุ่มขนส่งทางอากาศ และกลุ่มขนส่งทางทะเล

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดบวกในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐจะชะลอตัวลง

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,009.70 จุด เพิ่มขึ้น 45.20 จุด หรือ +0.65% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,253.70 จุด เพิ่มขึ้น 45.50 จุด หรือ +0.63%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI เดือนส.ค.จะปรับตัวขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.5% ในเดือนก.ค.

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากผลสำรวจของเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ในวันนี้ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 1 จุด แตะที่ +20 จุดในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวอย่างมาก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้น 2 จุด แตะที่ +10 ในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกเล็กน้อยในวันนี้ หลังจากนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนให้คำมั่นว่าจะใช้นโยบายเพื่อสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจ หลังเศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,263.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.74 จุด หรือ +0.05%

นายหลี่กล่าวว่า จีนจะใช้มาตรการที่หลากหลายเพื่อให้การเติบโตของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ โดยเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความผันผวนเล็กน้อยในช่วงที่กำลังฟื้นตัว และเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะสำคัญที่จะต้องใช้มาตรการเร่งด่วน

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า การเดินทางและการใช้จ่ายยังคงทรุดตัวลงในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนีหุ้นกลุ่มบริโภคพุ่งขึ้น 2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้น 2.2% และดัชนีหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นกว่า 1%

โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยรายงานระบุว่า จีนจะยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID) หลังการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนหน้า โดยนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ปฏิเสธการคาดการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ ๆ หลังการประชุมดังกล่าว

ฮุย ชาน ประธานโกลด์แมน แซคส์ประจำจีนระบุในรายงานว่า เสถียรภาพจะเป็นประเด็นหลักในช่วงก่อนการประชุมผู้นำระดับสูงของจีน ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คาดว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีไว้ได้เป็นสมัยที่ 3 และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีการคุมเข้มมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบกรุงปักกิ่ง โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พื้นที่บริเวณรอบกรุงปักกิ่งเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์ การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้น ตลอดจนการคุมเข้มการเดินทางภายในประเทศในเดือนหน้า

ทั้งนี้ นายชานระบุเสริมว่า การประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งจัดขึ้นทุก 5 ปี จะเน้นไปที่การปรับตำแหน่งผู้นำพรรคเป็นหลัก ดังนั้น จึงไม่มีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดผ่านการล็อกดาวน์ การตรวจหาเชื้อประชาชนจำนวนมาก และมาตรการควบคุมชายแดน ไปจนกว่าจะหลังการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ประจำปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2566

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวก ก่อนการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่สกุลเงินวอนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,449.54 จุด เพิ่มขึ้น 65.26 จุด หรือ +2.74%

กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ว่า เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าในช่วง 10 วันแรกของเดือนก.ย. เนื่องจากการส่งออกปรับตัวลดลงเร็วกว่าการนำเข้า

ทั้งนี้ เกาหลีใต้มียอดขาดดุลการค้ามูลค่า 2.44 พันล้านดอลลาร์ระหว่างวันที่ 1-10 ก.ย. เพิ่มขึ้นจากการขาดดุล 1.48 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนส.ค. เกาหลีใต้ยังคงขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง

ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ร่วงลง 16.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.625 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 10 วันแรกของเดือนก.ย. โดยการส่งออกไปยังสหรัฐ สหภาพยุโรป (EU) และเวียดนาม ปรับตัวลดลงในระดับตัวเลข 2 หลัก ในขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวลดลง 10.9% สู่ระดับ 1.869 หมื่นล้านดอลลาร์

ในส่วนของยอดนำเข้าพลังงานของเกาหลีใต้ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน อยู่ที่ระดับ 6.11 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 วันแรกของเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้น 31.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลดลงของยอดส่งออกและยอดนำเข้า เป็นผลมาจากจำนวนวันทำงานที่น้อยลงเนื่องจากวันหยุดในเทศกาลชูซ็อก ซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้าของชาวเกาหลีใต้

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นเพื่อทำกำไร หลังจากตลาดเคลื่อนไหวแดนบวกในช่วงเช้าตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.)

ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 19,326.86 จุด ลดลง 35.39 จุด หรือ -0.18%

ฮ่องกงกำลังเปลี่ยนศูนย์กักกันผู้ติดเชื้อโควิด-19 แห่งหนึ่งไปเป็นสถานกักตัวผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงแทน แม้เพิ่งพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเพียงรายเดียวก็ตาม

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานในวันนี้ (13 ก.ย.) โดยอ้างถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮ่องกงว่า ศูนย์นันทนาการกลางแจ้งไซกุง ซึ่งเดิมเป็นค่ายพักร้อนก่อนที่ถูกปรับมาใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้ป่วยในช่วงที่โรคโควิดแพร่ระบาดนั้น มีเตียงรองรับผู้ป่วยราว 100 เตียง

รายงานระบุว่า ฮ่องกงได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ลงแล้ว โดยลดระยะเวลาการกักกันตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าสู่ฮ่องกง และอนุญาตให้ผู้ป่วยกักตัวอยู่ที่บ้าน ขณะฮ่องกงพยายามจะรักษาสถานะในการเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก

อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ติดเชื้อโควิดยังเพิ่มสูงขึ้นแตะ 10,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังคงแตะระดับเกือบ 8,000 รายเมื่อวันจันทร์ (12 ก.ย.) ขณะที่การตรวจพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงอาจส่งผลให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกการผ่อนปรนข้อจำกัดเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นชายวัย 30 ปีซึ่งรายงานอาการของโรคขณะกักตัวอยู่ในโรงแรม โดยผู้ติดเชื้อรายนี้ได้เดินทางเยือนประเทศต่าง ๆ เช่น แคนาดา สหรัฐ และฟิลิปปินส์ แต่ไม่มีรายงานการพบผู้ติดต่อใกล้ชิดในฮ่องกง

นักลงทุนรอคอยการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 ก.ย.

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนในตลาดทั่วโลกรอคอยการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 ก.ย.

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 427.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.18 จุด หรือ +0.04%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดตลาดที่ระดับ 6,360.31 จุด เพิ่มขึ้น 26.72 จุด หรือ +0.42% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดตลาดที่ระดับ 13,450.39 จุด เพิ่มขึ้น 48.12 จุด หรือ +0.36%

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานในวันนี้ว่า อัตราว่างงานในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2517 ขณะที่อัตราค่าจ้างปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของอังกฤษยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว แม้ความต้องการแรงงานเริ่มบรรเทาลงในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม

ข้อมูลจาก ONS ระบุว่า อัตราว่างงานในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.อยู่ที่ระดับ 3.6% ลดลงจากระดับ 3.8% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดว่าจะอยู่ที่ 3.9%

ส่วนการจ้างงานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. โดยตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 71,000 ตำแหน่ง แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 77,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.

การขยายตัวของค่าแรงในอังกฤษเพิ่มขึ้น เนื่องจากบรรดานายจ้างปรับขึ้นค่าแรงเพื่อดึงดูดลูกจ้างให้ยังคงทำงานต่อ โดยค่าจ้างเฉลี่ยที่ไม่นับรวมเงินโบนัสในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าระดับ 4.7% ของช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนส.ค. หลังจากที่ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย.และก.ค. โดยสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ และเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า แรงกดดันด้านราคายังคงมีอยู่ เนื่องจากวิกฤตด้านอุปทานพลังงานยังดำเนินต่อไป

ข้อมูลระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 7.9% ในเดือนส.ค. เทียบกับเดือนเดียวกันของเมื่อปีก่อน และเพิ่มขึ้นจาก 7.5% ในเดือนก.ค. แต่สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลซึ่งคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 7.9%

นายเกออร์ก เธียล ประธานของ Destatis ระบุในรายงานว่า "สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นยังคงหนีไม่พ้นราคาผลิตภัณฑ์พลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น"

นักลงทุนรอคอยการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 ก.ย.

กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนี (CPI) เดือนส.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.

ความคิดเห็นล่าสุด

ขอบคุณมากครับ
ละเอียดครบเลย ขอบคุณมากๆครับ
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย