🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปิดพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงไม่ฟื้น

เผยแพร่ 13/09/2565 15:14
DX
-

ตลาดหุ้นยุโรป ตลาดหุ้นอังกฤษ และตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปิดพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงไม่ฟื้น

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,381.34 จุด เพิ่มขึ้น 229.63 จุด หรือ +0.71%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,110.41 จุด เพิ่มขึ้น 43.05 จุด หรือ +1.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,266.41 จุด เพิ่มขึ้น 154.10 จุด หรือ +1.27%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI เดือนส.ค.จะปรับตัวขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.5% ในเดือนก.ค.

มีการคาดการณ์ว่าดัชนี CPI เดือนส.ค.จะชะลอตัวลง ซึ่งทำให้ตลาดมีความหวังว่าข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยลงในการประชุมเดือนก.ย. และด้วยมุมมองดังกล่าวทำให้นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

ราคาหุ้นพุ่งขึ้นทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.09% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.14% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1.58% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 1.15%

หุ้นกลุ่มขนส่งซึ่งมีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นเฟดเอ็กซ์ พุ่งขึ้น 2.28% หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) บวก 0.74% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 1.97% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 1.45%

หุ้นแอปเปิล ทะยานขึ้น 3.85% โดยราคาหุ้นแอปเปิลปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังจากบริษัทประกาศเปิดตัว iPhone 14 Series จำนวน 4 รุ่นเมื่อวันที่ 7 ก.ย. และล่าสุดมีรายงานว่า iPhone 14 Series ได้รับความสนใจอย่างมากจากสาวกของแอปเปิลในประเทศจีน จนทำให้เว็บไซต์ของแอปเปิลล่ม เนื่องจากมีคำสั่งซื้อทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก

หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.14% หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ อนุมัติการจำหน่ายยารักษาโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)

หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 1.85% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่านายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลาอาจคว่ำข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์

นอกเหนือจากรายงานดัชนี CPI เดือนส.ค.แล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังว่า ราคาพลังงานจะลดลง และหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์จากการคาดการณ์แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในยุโรป

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 427.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด หรือ +1.76%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,333.59 จุด เพิ่มขึ้น 121.26 จุด หรือ +1.95%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,402.27 จุด เพิ่มขึ้น 314.06 จุด หรือ +2.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,473.03 จุด เพิ่มขึ้น 121.96 จุด หรือ +1.66%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ความพยายามที่จะผลักดันมาตรการหลายพันล้านยูโร เพื่อปกป้องภาคครัวเรือนจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น

หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มค้าปลีก พุ่งขึ้น 4.5% และหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 3.4% โดยบวกขึ้นต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาซึ่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และยืนยันที่จะปรับขึ้นอีก

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเกือบ 10% แล้วในเดือนก.ย. และมีส่วนอย่างมากในการหนุนดัชนี STOXX 600 ซึ่งปรับตัวขึ้น 3% แล้วในเดือนนี้

หุ้นสวิสรี พุ่งขึ้น 2.6% หลังเปิดเผยว่า ความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลก, สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมหภาค และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้ความต้องการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น และจะทำให้ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้น

บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากความหวังว่า วิกฤตพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจบรรเทาลง หลังจากกองกำลังยูเครนรุกคืบยึดดินแดนคืนจากกองทัพรัสเซีย

นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ (12 ก.ย.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ที่พุ่งขึ้นได้หนุนดัชนี FTSE 100 แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ แม้มีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค.ก็ตาม

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,473.03 จุด เพิ่มขึ้น 121.96 จุด หรือ +1.66%

ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคักทั่วโลก หลังมีรายงานข่าวว่ากองกำลังยูเครนได้รุกคืบเข้าสู่พื้นที่ซึ่งถูกกองทัพรัสเซียยึดครอง

หุ้นเฟอร์เร็กซ์โป ซึ่งทำธุรกิจเหมืองในยูเครน พุ่งขึ้น 11.3%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นมากที่สุด 4.4% โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ทะยานขึ้นมากกว่า 7% และหุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 5.5%

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 2.1% ตามราคาโลหะที่พุ่งขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่าและมีความเสี่ยงด้านอุปทานในจีน

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.2% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น

หุ้นเอชเอสบีซี พุ่ง 2.1% หลังนายอีเวน สตีเวนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินเปิดเผยในการประชุมนักลงทุนว่า เอชเอสบีซีมีแนวโน้มที่จะเริ่มการซื้อหุ้นคืนในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อของอังกฤษในสัปดาห์นี้ เพื่อสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย

ข้อมูลที่เปิดเผยในวันจันทร์บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ว่า เศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนนี้

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.62% แตะที่ระดับ 108.3300

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9540 ฟรังก์ จากระดับ 0.9607 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2984 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3032 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 142.74 เยน จากระดับ 142.68 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0120 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0045 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1679 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1589 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6881 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6842 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI เดือนส.ค.จะปรับตัวขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.5% ในเดือนก.ค.

นอกเหนือจากรายงานดัชนี CPI เดือนส.ค.แล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (12 ก.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ หรือ 0.69% ปิดที่ 1,740.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.093 ดอลลาร์ หรือ 5.82% ปิดที่ 19.86 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 27.3 ดอลลาร์ หรือ 3.11% ปิดที่ 904.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 97 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 2,274.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.62% แตะที่ระดับ 108.3300 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.306% เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI เดือนส.ค.จะปรับตัวขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.5% ในเดือนก.ค.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ขานรับมุมมองที่ว่ามาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกเผชิญภาวะตึงตัว

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 87.78 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 94 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวจากการที่สหภาพยุโรป (EU) ใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค.ปีนี้ ทางด้านรัฐมนตรีคลังของประเทศกลุ่ม G7 เห็นพ้องที่จะใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะบั่นทอนฐานะทางการคลังของรัสเซีย เพื่อไม่ให้รัสเซียนำรายได้ไปสนับสนุนการทำสงครามกับยูเครน โดยมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค. 2565 และจะบังคับใช้กับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในวันที่ 5 ก.พ. 2566

ทั้งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า การคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียและการใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้

สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกำลังเผชิญความไม่แน่นอน หลังชาติตะวันตกแสดงความไม่มั่นใจต่อความจริงใจของอิหร่านในการรื้อฟื้นข้อตกลงดังกล่าว โดยหากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านประสบความล้มเหลว ก็จะทำให้อิหร่านไม่สามารถกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาดโลก

สำหรับข้อมูลอื่น ๆ ที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเมื่อคืนนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ลดลง 8.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 434.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2527

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย