ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดบวกในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดบวกในวันพุธ (7 ก.ย.) และจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 27,732.68 จุด เพิ่มขึ้น 302.38 จุด หรือ +1.10%
หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางอากาศ, กลุ่มเภสัชกรรม รวมถึงกลุ่มเกษตรและประมง
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดปรับตัวลงเล็กน้อยในวันนี้ หลังจากที่ดิ่งลงกว่า 100 จุดเมื่อวานี้ เนื่องจากข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีนทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 19,043.84 จุด ลดลง 0.46 จุด หรือ -0.0024%
ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดในแดนลบ เนื่องจากข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีนทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ 3,245.56 จุด ลดลง 0.73 จุด หรือ -0.02%
ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดค่อนข้างทรงตัวในวันนี้ โดยหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดบวกในวันพุธ (7 ก.ย.) และจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งเมื่อวานนี้ ส่วนหุ้นจีนขยับลงเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในเดือนนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,732.68 จุด เพิ่มขึ้น 302.38 จุด หรือ +1.10%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,043.84 จุด ลดลง 0.46 จุด หรือ -0.00% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,245.56 จุด ลดลง 0.73 จุด หรือ -0.02%
ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยข้อมูลการค้าประจำเดือนก.ค. ขณะที่ ผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ธนาคารกลางมาเลเซียมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3
หุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามความวิตกกังวลเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 435.98 จุด หรือ 1.40% แตะที่ 31,581.28 ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 1.83% แตะที่ 3,979.90 และดัชนี Nasdaq Composite บวก 2.14% แตะที่ 11,791.90 หลังปรับตัวลงติดต่อกัน 7 วัน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นในเช้าวันนี้ หลังปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) โดยตลาดดีดตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,992.25 จุด พุ่งขึ้น 561.95 จุด หรือ +2.05%
หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางอากาศ, กลุ่มเภสัชกรรม รวมถึงกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าปรับตัวลง เนื่องจากข้อมูลการค้าที่อ่อนแอของจีนทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,969.82 จุด ลดลง 74.48 จุด หรือ -0.39%
ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผสมผสานในวันนี้ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นหลังปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) โดยตลาดดีดตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง หลังเผยข้อมูลการค้าอ่อนแอกว่าที่คาด และจีนต่อเวลาล็อกดาวน์ในนครเฉิงตู เพื่อสกัดโควิด-19
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,992.25 จุด พุ่งขึ้น 561.95 จุด หรือ +2.05%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,969.82 จุด ลดลง 74.48 จุด หรือ -0.39% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,241.61 จุด ลดลง 4.69 จุด หรือ -0.14%
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%
นครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวนในประเทศจีน ได้ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่ส่วนใหญ่อย่างไม่มีกำหนดในวันนี้ (8 ก.ย.) โดยหวังที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเมืองซึ่งมีประชากรราว 21.2 ล้านคน
"วันนี้ นักลงทุนในเอเชียจะจับตาผลกระทบที่มาตรการโควิดเป็นศูนย์มีต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมต่อการนำเข้าสินค้าอย่างแน่นอน" นายแกรี เอ็ง นักเศรษฐศาสตร์ระดับอาวุโสของบริษัทเนทิซิสในฮ่องกงกล่าว
ขณะนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในเดือนนี้
"ผมคิดว่านายพาวเวลจะส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่ตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยสำหรับการประชุมเดือนก.ย. โดยเฟดจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก" นายแจน เนฟรูซี นักวิเคราะห์ของบริษัทแนตเวสต์ มาร์เก็ตส์กล่าว
เฉิงตูซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนในประเทศจีน ได้ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่ส่วนใหญ่อย่างไม่มีกำหนดในวันนี้ (8 ก.ย.) โดยหวังที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเมืองซึ่งมีประชากรราว 21.2 ล้านคน
รัฐบาลท้องถิ่นเปิดเผยว่า มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในพื้นที่ 116 ราย เพิ่มขึ้นจาก 121 รายเมื่อวันก่อน โดยเป็นผู้ติดเชื้อแสดงอาการ 57 ราย และไม่แสดงอาการ 59 ราย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้คาดว่าการล็อกดาวน์เมืองเฉิงตูจะสิ้นสุดลงเมื่อวันพุธ (7 ก.ย.) แต่เจ้าหน้าที่เมืองเฉิงตูได้สั่งขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีกโดยไม่ได้แจ้งกำหนดวันสิ้นสุด เนื่องจากต้องการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยระบุว่า ยังคงมีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในบางพื้นที่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ในเมืองเฉิงตูระบุว่า ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ซึ่งยังคงมีการล็อกดาวน์นั้น จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทุกวัน และจะมีการปูพรมตรวจหาเชื้อให้กับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ซึ่งได้ประกาศยุติการล็อกดาวน์ในวันที่ 9 และ 11 ก.ย.
ทั้งนี้ จีนกำลังต่อสู้เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยกำหนดให้มีการล็อกดาวน์หลายระดับในเมืองต่าง ๆ เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดบวกในวันพุธ (7 ก.ย.) และจากแรงช้อนซื้อหุ้นร่วงหลังดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งเมื่อวานนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 28,065.28 จุด พุ่งขึ้น 634.98 จุด หรือ +2.31%
หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางอากาศ, กลุ่มเภสัชกรรม รวมถึงกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน หลังจากราคาหุ้นทั้งสองกลุ่มทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,848.70 จุด พุ่งขึ้น 119.40 จุด หรือ +1.77% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,085.30 จุด เพิ่มขึ้น 126.00 จุด หรือ +1.81%
ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ (7 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวล หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปรับตัวลง และจากการที่นักลงทุนมองข้ามการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากแรงช้อนซื้อจากนักลงทุนสถาบัน อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับผลกระทบจากความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย ขณะที่สกุลเงินวอนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,384.28 จุด เพิ่มขึ้น 7.82 จุด หรือ +0.33% โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลางที่ 410.57 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 8.79 ล้านล้านวอน (6.3 พันล้านดอลลาร์) และมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในสัดส่วน 508 ต่อ 333 ตัว
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การที่จีนยังคงเดินหน้าล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,235.59 จุด ลดลง 10.71 จุด หรือ -0.33%
เฉิงตูซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนในประเทศจีนได้ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่ส่วนใหญ่อย่างไม่มีกำหนดในวันนี้ (8 ก.ย.) โดยหวังที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเมืองซึ่งมีประชากรราว 21.2 ล้านคน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ในเมืองเฉิงตูระบุว่า ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ซึ่งยังคงมีการล็อกดาวน์นั้น จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทุกวัน และจะมีการปูพรมตรวจหาเชื้อให้กับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ซึ่งได้ประกาศยุติการล็อกดาวน์แล้วในวันที่ 9 และ 11 ก.ย.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลดลงในวันนี้ และปิดในแดนลบเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันแล้ว เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนั้นยังมีความกังวลหลังจากที่จีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา
ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 18,854.62 จุด ลดลง 189.68 จุด หรือ -1.00%
ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%
ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดบวกเล็กน้อยในวันนี้ โดยนักลงทุนเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเป็นประวัติการณ์ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้
ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 412.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.94 จุด หรือ +0.23% โดยหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานและประกันภัยพุ่งนำตลาด
ส่วนดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ระดับ 12,985.61 จุด เพิ่มขึ้น 69.64 จุด หรือ +0.54% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดที่ระดับ 6,136.93 จุด เพิ่มขึ้น 31.01 จุด หรือ +0.51%
ขณะนี้นักลงทุนต่างจับตาการประชุม ECB โดยบลูมเบิร์ก อิโคโนมิกส์คาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% เพื่อเร่งสกัดเงินเฟ้อ แม้ว่ายุโรปกำลังต่อสู้กับวิกฤตพลังงานก็ตาม
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมวันนี้ (8 ก.ย.) เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงจนเกินควบคุม โดยคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะเป็นการดำเนินการครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของ ECB กำลังพยายามควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 50 ปีของสหภาพยุโรป (EU) เพราะปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเงินออมของภาคครัวเรือนและบั่นทอนผลผลิตธุรกิจ
ขณะนี้ ECB มีอยู่สองตัวเลือกระหว่างการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% และ 0.75% โดยตัวเลขหลังจะเป็นระดับสูงสุดที่ ECB เคยปรับดอกเบี้ยมา แต่ไม่ว่าจะเลือกทางใดก็แสดงให้เห็นถึงทิศทางการดำเนินนโยบายของ ECB ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% หลังเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายสายอนุรักษ์นิยมหลายรายออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงรุก เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดการณ์ถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
"เราคิดว่าเป็นอะไรที่สูสีมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวเลขที่สูงกว่ามีแนวโน้มจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะการประชุมเดือนก.ย.ถือเป็นโอกาสดีที่สุดในการส่งสัญญาณการตัดสินใจที่ชัดเจนออกไป" นายเจนส์ ไอเซนชมิดต์ นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าว
"ไม่ว่าจะ 0.50% หรือ 0.75% ...เราคิดว่าวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ECB จะสิ้นสุดที่ 2% ในเดือนมี.ค.ปีหน้า"
สำหรับการประชุมครั้งหลังสุดของ ECB เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีและเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ