🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

กลโกงที่นักเทรดคริปโทฯ ควรระวัง

เผยแพร่ 27/06/2565 16:27
SETI
-


ในช่วงสภาวะตลาดหมีที่มีความผันผวนสูงแบบนี้ เหล่านักลงทุนอาจกำลังมองหาช่องทาง หรือวิธีการใหม่ ๆ ในการหารายได้หรือการคืนทุน ซึ่งช่วงเวลานี้อาจเป็นโอกาสให้มิจฉาชีพใช้แฝงตัวเข้ามาเพื่อเสนอผลประโยชน์แสนล่อตาล่อใจให้เราหลงเชื่อเข้าไปลงทุนด้วย กลโกงเหล่านี้จะมาในรูปแบบไหนบ้าง ? ในบทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันเลย

1. มีการการันตีผลตอบแทน
ลูกเล่นแรกที่พวกมิจฉาชีพมักใช้จูงใจเหล่านักลงทุนเลยก็คือ “การการันตีผลตอบแทนแบบแน่นอนในทุก ๆ เดือน” ซึ่งในความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะการลงทุนทุกรูปแบบมีความเสี่ยงหมด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่คริปโทเคอร์เรนซีเองก็ตาม ขนาดบิตคอยน์ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังมีความผันผวนของราคา ดังนั้นหากพบเจอคีย์เวิร์ด “การันตีผลตอบแทน” ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงทันที

2. ตัวเลขผลตอบแทนสูงเกินความเป็นจริง


ทุกคนอาจเคยได้ยินว่า “มนุษย์เรานั้นย่อมตกเป็นเหยื่อของความโลภเสมอ” ด้วยเหตุนี้เองเหล่ามิจฉาชีพจึงมักใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมนี้ในการหลอกให้คนมาลงทุนกับตน ตัวอย่างเช่น มโนผลตอบแทนสูง ๆ ที่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเช่น 100% - 200% ต่อปี แต่ด้วยตัวเลขที่แสนล่อตาล่อใจ ทำให้มีผู้หลงเชื่ออยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วผลตอบแทนจากการลงทุนทั่ว ๆ ไปนั้นไม่ควรจะอยู่สูงเกิน 10% ต่อปี หากมากกว่านี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าข่ายเป็นพวกมิจฉาชีพ

3.ต้องเชิญผู้อื่นมาร่วมลงทุนด้วยเยอะ ๆ

โมเดลการทำกำไรของมิจฉาชีพแบบง่าย ๆ แบบไม่ต้องลงแรงเลยคือการหลอกให้เหยื่อไปหาเหยื่อคนอื่นมาเพิ่มอีกให้ตัวเองได้กินเงินแบบฟรี ๆ ต่อนั่นเอง โดยมิจฉาชีพจะมีกลโกงสารพัดรูปแบบมาใช้หลอกเหล่านักลงทุน อาทิ การหลอกระดุมทุนผ่านโปรเจกต์ ICO (Initial Coin Offering) ซึ่งเป็นการเสนอขายเหรียญครั้งแรก มิจฉาชีพจะกดดันให้เหยื่อที่ลงทุนอยู่แล้วต้องเชิญผู้อื่นมาร่วมลงทุนด้วยเยอะ ๆ เพื่อให้บริษัทมีทุนไปพัฒนาเหรียญต่อ หรืออาจหลอกเหยื่อว่าหากชวนเพื่อนมาจะได้ผลตอบแทนเพิ่ม แต่เมื่อได้เงินมากพอตามที่ต้องการก็ชิ่งปิดโปรเจกต์หนีไปดื้อ ๆ เลยก็มี ดังนั้นก่อนลงทุนใด ๆ ควรตรวจสอบให้ดีอย่างถี่ถ้วน สำหรับการระดมทุนผ่านโปรเจกต์ ICO ในประเทศไทยนั้น ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ของ ก.ล.ต.


4. ข้อมูลและเอกสารบริษัท ไม่มีความชัดเจน

พวกมิจฉาชีพจะพยายามสร้างโปรไฟล์บริษัทตนให้ดูสวยหรูและน่าเชื่อถือ แต่เมื่อถามหาเอกสารยืนยันอย่างอื่น เช่น งบการเงิน ใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือเอกสารว่าใครเป็นเจ้าของมักไม่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงมีความคลุมเครือ เพราะบริษัทเหล่านี้สร้างตัวตนปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกเรานั่นเอง นักลงทุนทุกคนจึงควรตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของบริษัทที่ตนสนใจให้แน่นอนก่อนเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพอีกราย

5.เร่งให้ตัดสินใจลงทุนก่อนเสียโอกาส
เทคนิคยอดนิยมที่มิจฉาชีพใช้เพื่อดึงเงินออกจากกระเป๋าของเราให้เร็วที่สุดก็คือการกดดัน เร่งรัด พูดหว่านล้อมให้รีบตัดสินใจลงทุนก่อนพลาดโอกาสรวย หรือเรียกอีกอย่างว่าเทคนิคการขายแบบ FOMO (Fear of Missing Out) ตัวอย่างคีย์เวิร์ดยอดฮิตที่ขาดไม่ได้ อาทิ “รับจำนวนจำกัด รีบสมัครด่วน ๆ ” หรือ “สมัครรอบหน้าได้ผลตอบแทนลดลง” ซึ่งถือเป็นการฉวยโอกาสจากความไม่รู้ของคนเพื่อตัดโอกาสไม่ให้เหยื่อไปหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาคนรอบข้างให้ดีเสียก่อนนั่นเอง

6.ใช้โฆษณาชวนเชื่อที่เกินจริง

พวกโฆษณาที่เอาคนมาถ่ายรูปคู่บ้านหรูหรือรถสปอร์ตคาร์สุดแพง พร้อมคำขอบคุณที่ได้รับการชวนมาลงทุน การระบุว่าที่ใช้เงินเพียงเล็กน้อยแต่กลับให้ผลตอบแทนมหาศาลขนาดขนาดที่ว่ามีเงินไปซื้อบ้าน ซื้อรถได้ พร้อมปิดท้ายด้วยสโลแกนเชิญชวน “อยากรวยแบบนี้รีบสมัครเลย” หรือ “ใคร ๆ ก็ลงทุนได้ ไม่จำกัดอายุ” ภาพลวงตาเหล่านี้คือมุกสุดคลาสสิคที่แก๊งมิจฉาชีพชอบใช้เพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งบุคคลในโฆษณาต่างเป็นหน้าม้าทั้งนั้น เผลอ ๆ อาจเป็นใครก็ไม่รู้ที่ถูกนำภาพมาแอบอ้าง ดังนั้นหากพบเจอโฆษณาแบบนี้ที่ไหน ควรหลีกเลี่ยงอย่าไปลงทุนเด็ดขาด
มาถึงตรงนี้ ทุกคนสามารถเข้าใจและรับรู้เกี่ยวกับเทคนิคกลโกงหลายรูปแบบแล้ว อย่าลืมส่งต่อความรู้จากบทความนี้ให้คนรอบข้างที่กำลังลงทุนอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ได้อีกต่อไป

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่ Bitkub Blog

*ข้อมูลนี้ไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล **การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงินลงทุน ผู้ลงุทนควรทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูล รวมทั้งลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย