ดัชนีตลาดหุ้นหลักของสหรัฐอเมริกาจบสัปดาห์ที่แล้วด้วยการกลับมาปิดติดลบอีกครั้ง การเทขายเมื่อวันศุกร์ทำให้นักลงทุนเห็นว่าแม้จะมีสัญญาณบวก แต่ขาขึ้นที่จะสามารถตั้งเป็นทรงได้นั้นยังคงทำได้ยาก เงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการฟื้นตัวของตลาดหุ้น พาดหัวข่าวตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมที่ 8.5% ยังคงเป็นชะงักติดหลัง ที่ทำให้ตลาดลงทุนไม่เชื่อว่านโยบายทางการเงินของเฟดจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
สำหรับการเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้น นักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มหวังว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจากระดับราคาปัจจุบันภายในสิ้นปี 2022 นั่นจึงทำให้ตอนนี้การรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในแต่ละเดือน จึงมีความสำคัญมากกว่าตัวเลขตลาดแรงงานในสัปดาห์ที่แล้วเสียอีก
ในขณะที่ทุกฝ่ายต่างก็รอเฝ้าดูการรายงานตัวเลข CPI ของเดือนพฤษภาคมในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ก็ยังมีหุ้นบางตัวที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ แต่จะมีใครบ้าง บทความนี้จะพาไปดู
1. Tesla
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) คือข่าวหน้าหนึ่งที่จะยังคงได้รับความสนใจตลอดทั้งสัปดาห์นี้ หลังจากนายอีลอน มัสก์ CEO ของบริษัทเขียนอีเมล์ถึงพนักงานว่าบริษัทจำเป็นต้องเริ่มรัดเข็มขัด เตรียมพร้อมเผชิญกับผลกระทบจากมรสุมเศรษฐกิจ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อความในอีเมล์ของบริษัทเทสลาว่าพวกเขามีแผนที่จะลดพนักงานลง 10% นอกจากนี้ ในอีเมล์นั้นยังระบุด้วยว่าอีลอน มัสก์ มี “ลางสังหรณ์” ที่ไม่ดีต่อสภาพเศรษฐกิจในอนาคต อีเมล์ฉบับนี้ถูกจั่วหัวจดหมายด้วยคำว่า “ระงับการจ้างบุคคลากรทั่วโลก” หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป หุ้นบริษัทก็ได้ร่วงลงทันทีเกือบ 9% มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดอยู่ที่ $703.55
การร่วงลงของหุ้นแสดงให้เห็นถึงความกังวลที่นักลงทุนมีต่อแผนการเติบโตของบริษัทเทสลาในปี 2022 ในช่วงต้นปี เทสลาพึ่งประกาศว่าสามารถวางกลยุทธ์จนสามารถแก้ไขปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนได้ ดังนั้นหุ้นบริษัทจึงถูกจับตามองว่าจะเป็นเช่นไรในวันที่มีการล็อกดาวน์ในเมืองที่เป็นฐานการผลิตรถยนต์ในจีน (ซึ่งคลี่คลายแล้ว) และปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนที่ยังไม่ใช่ว่าจะจบลงง่ายๆ
ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด อีลอน มัสก์เคยออกมาคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เขาอาจจะเปลี่ยนคำพูดแล้วก็เป็นได้
2. Apple
นักลงทุนและผู้บริโภคทั่วโลกจะให้ความสนใจกับบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) บริษัทผู้ผลิต “iPhone” ในสัปดาห์นี้ เพราะแอปเปิลจะมีการจัดงาน WWDC ที่จะเริ่มเวลา 00.00 น. คืนนี้ตามเวลาประเทศไทย (เช้าของวันที่ 7 มิถุนายน) ตามธรรมเนียมแล้ว งาน WWDC จะเป็นการประกาศระบบปฏิบัติการใหม่อย่างเป็นทางการของแต่ละปี (สำหรับปีนี้คือ: iOS16) และยังมีข่าวว่าอาจจะได้เห็น iPad ซอฟต์แวร์ และ Macbook ที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ด้วย
อ้างอิงจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก งาน WWDC คืองานประกาศซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการใหม่ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทแอปเปิล ในมุมมองของนักลงทุน นี่คืองานที่เราจะได้เห็นกลยุทธ์การตลาดของแอปเปิลต่อจากนี้ไปอีก 12 เดือนข้างหน้า ทั้งระบบปฎิบัติการ สินค้าตัวใหม่ แอปฯ ดูแลสุขภาพ ฯลฯ ฟีเจอร์สใหม่ๆ เหล่านี้อาจช่วยให้หุ้นแอปเปิลที่ปีนี้ปรับตัวลดลงมาแล้วมากกว่า 18% ขยับตัวได้บ้าง
ที่ผ่านมา หุ้นแอปเปิลเปรียบเสมือน safe-haven สำหรับนักลงทุน การถอยมาถือหุ้นแอปเปิลสามารถทำให้อุ่นใจได้เสมอว่าจะสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว ล่าสุดหุ้นแอปเปิลมีราคาปิดอยู่ที่ $145.38
3. DocuSign
แพลตฟอร์มผู้ให้บริการเซ็นลายเซ็นออนไลน์ DocuSign (NASDAQ:DOCU) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 1 ปี 2023 ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้ DocuSign จะสามารถรายงานตัวเลขผลกำไรได้ $683 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.56
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา บริษัท DocuSign มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ช่วงเวลาที่ผู้คนต้องทำงานจากที่บ้าน และไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างสบายใจทำให้บริการออนไลน์ทุกประเภท รวมถึงการเซ็นลายเซ็นออนไลน์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองได้ผ่านไปแล้ว ในเดือนมีนาคม DocuSign คาดว่ากรอบรายได้ในปีนี้จะมีตัวเลขอยู่ระหว่าง $2,470 - $2,480 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าต่ำกว่าตัวเลขที่ StreetAccount คาดการณ์ที่ $2,610 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ราคาหุ้นล่าสุดของ DocuSign คือ $83.78 ปรับตัวลดลงมาแล้วตลอดทั้งปีนี้ 45%