Investment Ideas:
ภาพรวม SET วานนี้ ปรับลดลง แต่ยังมีแรงซื้อหุ้นในประเทศ - SET วานนี้ ปิดที่ระดับ 1,626.23 จุด ลดลง 9.05 จุด (-0.55%) มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 63,643 ล้านบาท สูงสุด 1,636.97 จุด / ต่ําสุดที่ 1,625.93 จุด) SET ปรับฐานลดลง หลังตอบรับเชิงบวกต่อการที่สหรัฐฯ จะผ่อนคลายหรือยกเลิก มาตรการภาษีนําเข้าสินค้าจากจีน อย่างไรก็ตามการปรับลดลงของ SET ยังคงอยู่ในกรอบที่จํากัด จาก แรงซื้อหุ้นในกลุ่มที่ยังมีราคา Laggard เมื่อเทียบกับตลาดฯ รวมไปถึงหุ้นในกลุ่ม Domestics Play ที่ได้ ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศ ภาพรวมการลงทุนวันนี้ เราคาดว่า SET จะเคลื่อไหวในกรอบ Sideway ต่อเนื่อง รอรายงาน Fed Minute และ PCE ปลายสัปดาห์
- เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,635 จุด เราคาดว่า SET จะ เคลื่อนไหวในกรอบ Sideway ต่อเนื่อง ปัจจัยต่างประเทศระยะสัน จะยังมีผลต่อการกําหนดทิศทางของ SET โดยเฉพาะรายงานคณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่มีกําหนดเปิดเผย วันที่ 25 พ.ค. และรายงาน PCE Price Index เดือน เม.ย. ที่มีกําหนดเปิดเผยวันที่ 27 พ.ค. ก่อนถึงการ ประชุม FOMC ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย. เราประเมินกรอบ SET ไว้ที่ 1,635-1,650 จุด กลยุทธ์การลงทุน คงหุ้นพอร์ต 40-50% เน้น Laggard Play หุ้น Defensive และ Turnaround เลือก PTG BEM BH BDMS AOT (BK:AOT) SHR KSL และ KBS เป็นหุ้นเด่น – กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงน้ําหนักการลงทุนในหุ้น 40-50% ของพอร์ต จากมุมมองต่อ SET ที่ยังมีความเสี่ยงต่อความผันผวนในระยะ 1 เดือนข้างหน้า เรายังให้ น้ําหนักหุ้นในกลุ่มที่ Laggard โดยเราเลือก ADVANC BH BDMS PTG SUSCO BEM GPSC BGRIM WHA AMATA และ CPALL (BK:CPALL) และ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ เราเลือก AOT BAFS MINT CENTEL SHR VRANDA BH BDMS AMATA และ WHA รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เราเลือก KSL KBS และ BRR หลังมีความเป็นไปได้ที่อินเดีย จะเตรียมประกาศจํากัดการส่งออกน้ําตาลเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี โดย อินเดียเป็นประเทศที่ผลิตน้ําตาลมากที่สุดในโลก และส่งออกสูงเป็นอันดับ 2 รองจากบราซิล สัปดาห์นี้ติดตามรายงานเศรษฐกิจที่สําคัญสัปดาห์นี้ - รายงานคณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) วันที่ 25 พ.ค. (เช้าวันที่ 26 ตามเวลาไทย) และรายงาน GDP สหรัฐฯ ช่วง 1Q65 (ประมาณการครั้งที่ 2) วันที่ 26 พ.ค. (คาดหดตัว 1.36) / รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน เม.ย. วันที่ 27 พ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 4.9%YoY) • ครม. เพิ่มเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ ขยายเวลาถึงสิ้น ก.ย. 2565 เลือก PTG BEM BH BDMS
AOT SHR เป็นหุ้นเด่น - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเพิ่มจํานวนสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ พร้อมขยายเวลาออกไปถึง 30 ก.ย. 65 ตามที่ ศบศ. เสนอ เพื่อเป็นการสนับสนุน ภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ภาครัฐฯ เตรียมพิจารณามาตรการการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัย โดยประมาณกลางมิ.ย. 65 จะแนะนําให้สวมหน้ากากอนามัย ใน 3 กรณีเท่านั้น ได้แก่
(1) กลุ่มผู้ป่วยหรือ กลุ่มเสียง 608 (กลุ่มผู้สูงอายุ อายุ 60 ปี + ผู้มีโรคประจําตัว 7 กลุ่มโรค และกลุ่มหญิงมีครรภ์)
(2) อยู่ใน สถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และ
(3) กิจกรรมที่มีคนร่วมกันจํานวนมาก ประเด็นดังกล่าวทําให้หุ้นใน กลุ่มเปิดประเทศยังคงน่าสนใจตามพอร์ต Core Investment ของเรา
รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - เอสแอนด์พี โกลบอล รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาค บริการขั้นต้นของเยอรมนี เดือน พ.ค. อยู่ที่ 56.3 จุด (คาด 57.2 จุด) ลดลงจากเดือน เม.ย. ที่ระดับ 57.6 จุด แม้จะปรับลดลง แต่ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 จุด สะท้อนถึงกิจกรรมภาคธุรกิจของเยอรมนี ที่มีการ ขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากภาคบริการที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กิจกรรมในภาคธุรกิจของเยอรมนี ยังคงขยายตัวในเดือน พ.ค. แม้จะมีสัญญาณบ่งชี้ถึงราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ความผันผวนในตลาด รวมถึงปัญหา ด้านซัพพลายที่เริ่มกดดันความต้องการ ด้านดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน พ.ค. อยู่ที่ 54.7 จุด (คาด 54 จุด) เพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. ที่ 54.6 จุด ด้านดัชนี PMI รวม (ภาคการผลิตและบริการขั้นต้น) ของเยอรมนี เดือน พ.ค. อยู่ที่ 54.6 จุด (คาด 54 จุด) เพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. ที่ระดับ 54.3 จุด / กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านใหม่ ในเดือน เม.ย. ลดลง 16.6% สู่ระดับ 591,000 ยูนิต ต่ําสุดในรอบ 2 ปี และต่ํากว่า ที่ Market Consensus คาดไว้ที่ระดับ 750,000 ยูนิต และลดลงจากเดือน มี.ค. ที่ 709,000 ยูนิต
ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนํา © ADVANC (แนวต้าน 230.00-234.00 / แนวรับ 223.00-218.00 / Stop loss 207.00) ) GPSC (แนวต้าน 66.75-70.00 / แนวรับ 63.50-61.25 / Stop loss 56.25) © FSMART (แนวต้าน 23.70-24.60 / แนวรับ 22.50-22.00 /Stop loss 20.70)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities