🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

ตลาดหมียังคงเป็นฝ่ายคุมเกม แม้เฟดกำลังหาหนทางลดระดับเงินเฟ้อลงมา

เผยแพร่ 23/05/2565 16:34
US500
-
WMT
-
HD
-
TGT
-

ถึงแม้ว่าตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อจะคงที่ แต่ความกังวลที่มีต่อมันยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ความกังวลที่ว่านั้นไม่ใช่ราคาสินค้าอาหาร หรือพลังงาน แต่เป็นความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะสามารถจัดการปัญหาเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบสี่สิบปีได้หรือไม่ จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าความเชื่อนั่นจะไม่มีแล้ว และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น เบน เบอนันเก้ อดีตประธานเฟดกล่าวถึงสถานการณ์ของที่ทำงานเดิมของเขาว่า

“พวกเขา (เฟด) ต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การกระทำของเฟดนั้นชัดเจนว่าต้องการเงินตัวเลขเงินเฟ้อลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ในมุมมองของผู้บริโภค ผมก็ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกกังวล การต้องเห็นราคาน้ำมันและราคาสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์มันไม่ใช่เรื่องปกติ ความจริงนี้ส่งผลกระทบกับความรู้สึกของผู้คน และผมก็ไม่รู้ว่าเฟดชุดนี้ยังเหลือเวลาอยู่อีกมากเท่าไหร่”

ถือเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ถ้าเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงเกินไป อาจทำให้เงินเฟ้อลดลง อาจได้ความศรัทธากลับมา แต่อาจต้องแลกมากับปัญหาเศรษฐกิจถดถอย แต่ถ้าทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก็ไม่แน่ว่าจะคุมเงินเฟ้อเอาไว้ได้ เจมส์ บลูราร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ คิดว่าภายในสิ้นปีนี้อัตราดอกเบี้ยจะต้องมีตัวเลขอยู่ที่ 3.5% ให้ได้ ซึ่งเท่ากับว่าต่อจากนี้ไปตลอดทั้งปี จะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 0.50% อีกแล้ว

แม้ว่าก่อนหน้านี้ประธานเฟดคนปัจจุบันนายเจอโรม พาวเวลล์ จะเคยกล่าวเอาไว้ว่าธนาคารกลางไม่เคยพิจารณาเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% แต่บลูราร์ดเชื่อว่าเฟดไม่มีทางตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้งออกไปได้ ในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox News เขากล่าวว่า

“ยิ่งเรา (เฟด) กล้าขึ้นดอกเบี้ยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถควบคุมตัวเลขความคาดหวังที่มีต่อเงินเฟ้อได้เร็วเท่านั้น หากเฟดสามารถควบคุมความคาดหวังนี้ได้ ก็อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงบ้างในปี 2023 ถึง 2024”

ท่ามกลางบรรยากาศความกังวลที่ปกคลุมไปทั่วทั้งตลาดลงทุน บลูราร์ดก็ยังเชื่อว่าเฟดจะสามารถพาเครื่องบินเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาลงจอดได้อย่างปลอดภัย เขาคิดว่าเศรษฐกิจสามารถ “ขับเคลื่อนไปข้างหน้า” โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการบริโภค แต่ล่าสุด ก็พึ่งปรากฎข้อบ่งชี้มากมาย ที่บอกว่ากำลังการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคกำลังลดลง ไม่สามารถเผชิญกับการขึ้นราคาอย่างไม่หยุดยั้งครั้งนี้ได้

หลักฐานที่ว่านั้นก็คือรายงานตัวเลขผลกำไรของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอลล์มาร์ท (NYSE:WMT) และทาร์เก็ต (NYSE:TGT) ที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทร่วงลง เมื่อได้ทราบรายงานว่าทั้งสองบริษัทมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้ม และกำไรที่เคยทำได้ดีก็หดหาย แม้ว่าบางบริษัทอย่างโฮมดีโป (NYSE:HD) จะได้ยอดลูกค้ากลับคืนมา แต่บริษัทกลับมองว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องปกติ สถานการณ์ทุกอย่างยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ทั้งๆ ที่สถานการณ์เป็นไปในทางที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ แต่สัปดาห์ที่แล้วประธานเฟดกลับกล้าที่จะออกมาพูดว่า “มีหลักฐานชัดเจนว่าเงินเฟ้อกำลังลดลง” เขาเชื่อจริงๆ ว่าการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป หรือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะได้เห็นการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมของเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยรวมขึ้นไปอยู่ระหว่าง 1.75% และ 2% 

การตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟดทำให้ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ใกล้จะเป็นขาลงอย่างเป็นทางการแล้ว ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเกือบ 19% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 3,901.36 ปรับตัวลดลง 26% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคม ถึงกระนั้น นักวิเคราะห์ก็ยังเชื่อว่าเฟดจะไม่เข้ามาแทรกแซงดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในขณะที่บางคนเชื่อว่ามีโอกาสได้เห็น 3,000 จุดภายในเดือนตุลาคมปีนี้

วันศุกร์นี้ยังคงมีหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้จับตา นั่นคือการรายงานตัวเลขการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Index) นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลข PCE พื้นฐานในเดือนเมษายนของปีนี้จะออกมาอยู่ที่ 4.9% ปรับตัวลดลงมาจาดตัวเลขของเดือนมีนาคม 5.2% ซึ่งตัวเลข 4.9% นั้นถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย