หุ้นเทคโนโลยี หรือที่ผู้คนมักจะเชื่อว่าเป็นกลุ่มหุ้นที่มีการเติบโตสูง สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในช่วงนี้ นักลงทุนหมุนเวียนกลับเข้าหุ้นเทคในวันที่หุ้นกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้างและ การเงินมีราคาสูงมากเกินไป แนวโน้มเชิงบวกดังกล่าวได้ทำให้ดัชนีแนสแด็ก บ้านของหุ้นเทคฯ ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 16% นับจากจุดต่ำสุดในรอบหนึ่งปี
ดังนั้น บทความในวันนี้จะมาแนะนำหุ้นเทคฯ สามตัวที่เราเชื่อว่าจะมีอัตราการฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าหุ้นตัวอื่นๆ
1. Shopify
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -46%
- ความห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาล: -57.8%
- มูลค่าตามราคาตลาด $93,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้นของหนึ่งในผู้ชนะในช่วงโควิดเมื่อสองปีก่อนอย่างช็อปพิฟาย (NYSE:SHOP) ได้ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากในปี 2022 จากการแห่เทขายหุ้นเทคฯ ในช่วงต้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อยู่สูงเกินไป ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของช็อปพิฟายร่วงลงมาเกือบครึ่งนึงของขาขึ้น ที่ทำได้ในช่วงสองปีก่อน คิดเป็นขาลง 46% จากจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ที่ $1,762.92
ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นของช็อปพิฟายได้ลงไปสร้างจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 14 มีนาคมเอาไว้ที่ $510.02 ถือเป็นจุดต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020 หลังจากลงไปแตะราคาดังกล่าวได้แล้ว หุ้นช็อปพิฟายก็ได้ดีดตัวกลับขึ้นมา มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $743.98 มีมูลค่าตามราคาตลาดล่าสุดอยู่ที่ $93,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ที่ผ่านมา ช็อปพิฟายได้ออกมาเตือนผู้ถือหุ้นว่ายอดขายที่เคยทำได้ในช่วงโควิดอาจจะต้องเผชิญกับการชะลอตัวต่อเนื่อง ในวันที่ผู้คนกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเงินเฟ้อที่กำลังทำลายความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ถึงกระนั้น ตามความเห็นของเรา ก็ยังเชื่อว่าหุ้นช็อปพิฟายจะสามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นในเดือนนี้ต่อยาวไปจนถึงเดือนหน้าได้ เพราะบริษัทถือเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ e-commerce ที่มีพ่อค้าแม่ขายอยู่เกือบ 2 ล้าคน ใน 175 ประเทศทั่วโลก
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักวิเคราะห์ 21 จาก 40 คนของ Investing.com ถึงยังจัดอันดับให้หุ้นช็อปพิฟายอยู่ในกลุ่ม “โดดเด่น” อยู่ และยังเชื่อว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นจากระดับราคาปัจจุบันขึ้นอีก 35% เป็น $1,006.91 มีนักวิเคราะห์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองว่าหุ้นตัวนี้สมควรแก่การถูกเทขาย
อ้างอิง: Investing.com
2. Uber Technologies
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -11.3%
- ความห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาล: -41.9%
- มูลค่าตามราคาตลาด $72,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้นตัวถัดมาเป็นของบริษัทผู้สร้างแอปพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่ชื่อดังในฝั่งตะวันตก “อูเบอร์” (NYSE:UBER) ในวันที่ผู้คนหมดศรัทธากับหุ้นกลุ่มเติบโต และหนีไปลงทุนในหุ้นวัฐจักร หุ้นอูเบอร์ก็ได้รับผลกระทบนั้นตามไปด้วย ในช่วงต้นเดือนมีนาคม หุ้นอูเบอร์ได้ลงไปสร้างจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2020 ที่ $28.28 คิดเป็นขาลงทั้งหมดมากถึง 32%
แม้ว่าตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน หุ้นอูเบอร์ยังถือว่าปรับตัวลดลง 11.3% และยังห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาล 42% แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าขาขึ้นสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้บ้างแล้ว มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $37.19 และมีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ $72,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักลงทุนกลับมาลงทุนในหุ้นอูเบอร์อีกครั้งหลังเห็นการพัฒนาในเชิงบวกในข้อตกลงการเป็นพันธมิตรกับ บริษัทแท็กซี่ ทั้งในนิวยอร์กซิตี้และซานฟรานซิสโกเพื่อเพิ่มแท็กซี่ให้กับแพลตฟอร์ม และข่าวที่ว่าสามารถต่อใบอนุญาตครึ่งปีให้ดำเนินการในลอนดอนต่อไปได้ ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 เมื่อเดือนที่ผ่านมา กำไรและรายได้ของอูเบอร์สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ไปได้ พร้อมกับยอดผู้ใช้งานมากที่สุดเท่าที่บริษัทเคยมีมา
ตัวเลขที่แข็งแกร่งทำให้อูเบอร์กล้ายกระดับตัวเลขคาดการณ์กำไรในไตรมาสนี้ อ้างอิงข้อมูลจาก InvestingPro วิเคราะห์ว่ามีโอกาสเห็นหุ้นอูเบอร์ปรับตัวขึ้นอีก 11% ภายในระยะเวลาอีก 12 เดือนข้างหน้า ขยับเข้าใกล้ราคาหุ้นที่ควรจะเป็นที่ $41.24 ต่อหุ้น
อ้างอิง: InvestingPro
ผลสำรวจจากนักวิเคราะห์อิสระ 46 คนเชื่อว่าราคาเป้าหมายเฉลี่ยของหุ้นอูเบอร์มีราคาอยู่ที่ $59 โดยประมาณ คิดเป็นขาขึ้นอีก 60% จากระดับปัจจุบัน
อ้างอิง: Investing.com
3. Twitter
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -5.8%
- ความห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาล: -49.6%
- มูลค่าตามราคาตลาด $32,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้นตัวสุดท้ายที่เราจะแนะนำในบทความนี้เป็นหุ้นของแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่างทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) ที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้านี้เพราะความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ความกังวลที่เกิดขึ้นกับหุ้นเทคฯ ได้ทำให้หุ้นทวิตเตอร์ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 20 เดือนที่ $31.30 และ ณ จุดๆ หนึ่งเคยลงไปสร้างจุดต่ำสุดมากถึง 26% ก่อนที่จะปรับตัวกลับขึ้นมาจนทำให้ตอนนี้ขาลงตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบันเหลือเพียงติดลบ 6% เท่านั้น
จุดสูงสุดที่หุ้นทวิตเตอร์เคยทำเอาไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 อยู่ที่ $80.75 และราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ $40.69 ถือว่าอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดนั้นประมาณ 50% บริษัทมีมูลค่าตามตลาดรวมแล้วอยู่ที่ $32,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ปาราก อักร้าวอล หุ้นทวิตเตอร์มีแนวโน้มที่จะนำกำไรกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นด้วยมากขึ้น ปารากเริ่มกลยุทธ์การบริหารของเขาด้วยการประกาศซื้อหุ้นคืน $4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ และด้วยกำไรจากการฝากโฆษณาบนแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ทำให้เราเชื่อว่าหุ้นทวิตเตอร์พร้อมที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ นอกจากนี้ CEO ป้ายแดงยังต้องการเร่งเปิดตัวบริการออนไลน์ใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตอยู่บนโลกดิจิทัลของผู้คนในปี 2022 ได้ดียิ่งขึ้น
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด เป็นที่น่าเสียดายที่กำไรและรายได้ของทวิตเตอร์ไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ถึงกระนั้นบริษัทก็ได้ออกมาย้ำว่าแผนการทำยอดผู้ใช้งานรายวัน (mDAU) ให้เพิ่มขึ้นถึง 315 ล้านคนในปี 2023 ยังคงอยู่เหมือนเดิม ณ ตอนนี้ข้อมูลตัวเลข mDAU ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2021 อยู่ที่ 217 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% YoY
InvestingPro คำนวณว่าภายในระยะเวลา 12 เดือน มีโอกาสที่หุ้นทวิตเตอร์จะปรับตัวขึ้นได้อีกเกือบ 12% ขยับเข้าใกล้ราคาหุ้นที่ควรจะเป็นที่ $45.46
อ้างอิง: InvestingPro