ในช่วงที่มีโรคระบาดไวรัสโควิด-19 หุ้นเติบโตเป็นกลุ่มหุ้นยอดนิยม นักลงทุนต่างมองหาสิ่งที่จะเป็นนวัตกรรมและเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก ผลักดันให้หุ้นกลุ่มดิจิทัลและพลังงานทางเลือกจำนวนมากทะยานขึ้นสูงที่สุดเป็นประวัติกาล
แต่ความเชื่อนี้กลับเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปในปี 2022 อดีตหุ้นสุดที่รักของนักลงทุนวอลล์ สตรีทหลายๆ คนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการเทขายอย่างมาก นอกจากเหตุผลของการขายทำกำไรแล้ว หุ้นกลุ่มเติบโตยังถูกมองข้าม ในวันที่ระดับเงินเฟ้อร้อนแรงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่สนับสนุนหุ้นกลุ่มอื่นมากกว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ และสงครามรัสเซียยูเครนในปัจจุบัน ยิ่งตอกย้ำขาลงของหุ้นกลุ่มเติบโต จนทำให้ราคาร่วงสู่จุดต่ำสุดในรอบหลายเดือน
ดัชนีชื่อดังไม่ว่าจะเป็นดาวโจนส์ และแนสแด็ก 100 ที่เคยเติบโตอย่างมากในสองปีก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน (YTD) ต่างปรับตัวลดลง 15.3% และ 14.8% ตามลำดับ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน 8.5%
ถึงกระนั้น ประวัติศาสตร์การลงทุนที่ผ่านมาสามารถบอกสัจธรรมเราได้อย่างหนึ่งว่ามีขึ้นก็ต้องมีลง แม้ว่าทุกวันนี้ขาลงจะเกาะอยู่กับหุ้นกลุ่มเติบโตมากเพียงใด แต่ก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่หุ้นกลุ่มนี้จะสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้ ดังนั้นนักลงทุนมืออาชีพจึงมักชอบซื้อในช่วงดังกล่าวเพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนระยะยาว ในบทวามนี้ เราจึงมาแนะนำสองกองทุน ETF ของหุ้นกลุ่มเติบโตที่มีแนวโน้มว่าจะดึงดูดนักลงทุนสายซื้อและถือในระยะยาว
1. Invesco S&P 500 Pure Growth ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $177.04
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $154.95 - $223.10
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.35% ต่อปี
กองทุนตัวแรกที่เราจะแนะนำมีชื่อว่า Invesco S&P 500® Pure Growth ETF (NYSE:RPG) เป็นกองทุนที่ลงทุนกับหุ้นตัวเล็กบนดัชนีเอสแอนด์พี 500 แต่ประเมินแล้วว่ามีอัตราการเติบโตสูง กองทุนนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2006 โดยมีเงื่อนไขพิจารณาสำคัญในการเลือกหุ้นของ RPG คือต้องมีอัตราการเติบโตของกำไร และการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS)
ปัจจุบัน RPG ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 58 บริษัท อ้างอิงราคาตามดัชนี S&P 500 Pure Growth หากแบ่งออกเป็นสัดส่วนจะพบว่า RPG ถือครองหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีมากที่สุด 34.23% ตามมาด้วยกลุ่มสุขภาพ 17.31% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 14.50% กลุ่มการเงิน 12.54% และกลุ่มอุตสาหกรรม 6.77%
หุ้น 10 อันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 30% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $2,470 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ NRG Energy (NYSE:NRG) Fortinet (NASDAQ:FTNT) Diamondback Energy (NASDAQ:FANG) Goldman Sachs (NYSE:GS) และ SVB Financial Group (NASDAQ:SIVB)
ในปี 2021 กองทุน RPG เคยทำกำไรคืนแก่ผู้ลงทุนได้ 8% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 อย่างที่ได้กล่าวไปว่าตอนนี้หุ้นกลุ่มเติบโตได้รับแรงเทขายกดดัน นั่นจึงทำให้ปี 2022 กองทุน RPG ปรับตัวลดลงมาแล้วทั้งหมดเกือบ 16% มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 23.85x และ 7.38x ตามลำดับ นักลงทุนสายซื้อและถือยาวสามารถพิจารณาซื้อสะสมได้ตั้งแต่ระดับราคาในปัจจุบันเลย
2. iShares Semiconductor ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $462.30
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $386.02 - $559.02
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.79%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.43% ต่อปี
กองทุนตัวถัดมาที่เราแนะนำมีชื่อว่า iShares Semiconductor ETF (NASDAQ:SOXX) เป็นกองทุนที่เน้นถือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผล และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เป็นหลัก ในทศวรรษที่ผ่านมา วงการผลิตชิปฯ ถือว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างที่ข้อมูลในงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุเอาไว้ว่า
“กำไรจากยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดในปี 2022 คาดว่าจะเติบโต 11% และจะสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากยอดขายทั่วโลก 680.6 พันล้านดอลลาร์”
SOXX เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2001 ปัจจุบันถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 30 ตัว อ้างอิงราคาตามดัชนี ICE Semiconductor Index มีสินทรัพย์รวมทั้งหมด $8,140 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้น 10 อันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 60% ของน้ำหนักหุ้นทั้งหมด หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Broadcom (NASDAQ:AVGO) Advanced Micro Devices (NASDAQ:AMD) Qualcomm (NASDAQ:QCOM) NVIDIA (NASDAQ:NVDA) Intel (NASDAQ:INTC) และ Texas Instruments (NASDAQ:TXN)
จากชื่อจะเห็นได้ว่านี่คือหุ้นของบริษัทชื่อดังจากวงการเซมิคอนดักเตอร์ทั้งนั้น ซึ่งแน่นอนว่า 2022 ไม่ใช่ปีที่สวยงามสำหรับหุ้นกลุ่มนี้เท่าไหร่ หากนับผลงานในระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด จะเห็นว่า SOXX ยังเป็นบวกอยู่ 12.2% แต่ถ้านับตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคากองทุน SOXX ร่วงลงไปแล้ว 14.8%
ปัจจุบัน SOXX มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 23.72x และ 5.64x ตามลำดับ นักลงทุนสายซื้อและถือยาวสามารถพิจารณาซื้อสะสมได้ตั้งแต่ระดับราคาในปัจจุบันเลย