แม้วานนี้ SET ปรับตัวลงไปลึกถึง -45 จุด ก่อนฟื้นขึ้นมาเหลือ -10 จุด แต่ คาดว่าปัจจัยกดดันน่าจะเบาลง เนื่องจากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา นักลงทุนมี การปิดสัญญาฟิวเจอร์ส จนมูลค่า Block Trade สะสม ลดลงแรงกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เหลือ 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงตลาด ปรับฐานแรงตอนโอไมครอน ส่วนภาพรวมเห็นสัญญาณผ่อนคลายขึ้นจาก Vix Index ลดระดับลง, เงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย Bond Yield 10Y US ขยับขึ้นแรงอยู่ที่ 1.85%, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง รวมถึงรอการ เจรจากันของรัฐมนตรีรัสเซียและสหรัฐ วันที่ 10 มี.ค. 65 ขณะที่ประเด็น สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย หนุนราคาน้ำมันขยับขึ้น ช่วงสั้น เนื่องจากสัดส่วนรัสเซียส่งออกน้ำมันไปสหรัฐเพียง 3% และสหรัฐ นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพียง 2% เท่านั้น ดังนั้นดัชนีลงลึก แต่ปัจจัยกดดันเบาลง แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดีต่างชาติซื้อ ต่อเนื่อง พอร์ตจำลองแนะลดเงินสดบางส่วน ซื้อ KBANK (BK:KBANK) 10% Toppick เลือก KBANK (ต่างชาติซื้อเยอะ Bond Yield ฟื้น), DTAC (มีเกราะป้องกัน ประเด็นรัสเซีย ,PTT (BK:PTT)
ตลาดหุ้นโลกผันผวน ระหว่างรอรัสเซีย-ยูเครนเจรจาพรุ่งน
ตลาดหุ้นโลกวานนี้ยังเผชิญความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐ ช่วงเปิดตลาดแกว่งในแดนบวก แต่สุดท้ายเผชิญแรงกดดันจนกลับไปปิดตลาดในแดน ลบเล็กน้อย ความผันผวนของตลาดมาจากท่าทีของนาย Jeo Biden ประธานาธิบดี สหรัฐ ที่ประกาศว่าสหรัฐจะระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีรัสเซีย ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบยังเพิ่มขึ้นต่อ ทั้งนี้ รัสเซียส่งออกน้ำมันไปสหรัฐประมาณ 3% (อันดับ 5) แต่ประเทศที่รัสเซียส่งออก น้ำมันไปมากสุดคือยุโรปถึง 59% และสหรัฐนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 2% (อันดับ 6) ของ การนำเข้าน้ำมันรวม
จากความไม่แน่นอนของความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ข้างต้น ASPS จึงประเมินฉากทัศน์ (Scenario Analysis) ต่างๆที่เป็นไปได้ (ปรับปรุงจาก BBC ไทย) ดังนี้
1. สงครามระยะสั้น: รัสเซียเพิ่มความเข้มข้นของปฏิบัติการ และอาจยึด Kyiv ได้ ฝั่งยูเครนถอยร่นไปทางตะวันตก ประธานาธิบดี Zelensky อาจถูกปลดหรือ จัดตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น มีการจัดตั้งรัฐบาลยูเครนใหม่ที่มีแนวคิดโน้มเอียงไปทาง รัสเซีย
2. สงครามระยะยาว: ยูเครนสามารถตั้งรับปฏิบัติการของรัสเซียได้ ส่งผลให้ สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป
3. การเปิดเจรจาการทางทูต: ทั้ง 2 ฝ่ายประนีประนอมกัน โดยรัสเซียอาจยินยอม ถอนกำลัง หากสามารถบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับยูเครนได้
จากกรณีต่างๆข้างต้น เชื่อว่า Scenario ที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูง คือ ข้อ 3. เพราะสอดคล้อง กับท่าทีทั้ง 2 ฝ่ายที่ต้องการเจรจากัน และเงื่อนไขการของรัสเซียที่ได้ระบุไปก่อนหน้า ว่าจะหยุดปฏิบัติการเมื่อ
1. แก้ไขรัฐธรรมนูญว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วม EU-NATO
2. รับรองให้ไครเมียเป็นของรัสเซีย
3. รับรองภูมิภาค Donbas เป็นรัฐอิสระ
เชื่อว่ายูเครนน่าจะยอมรับข้อตกลงของรัสเซียในข้อ 2.-3. ได้ไม่ยากนัก เพราะภูมิภาค ดังกล่าวมีประชากรฝักใฝ่รัสเซียมาก และสามารถใช้ภูมิภาค Donbas เป็นรัฐกันชนได้ ขณะที่ประเด็น NATO ล่าสุดมีกระแสข่าวว่ายูเครนอาจลดการผลักดันเรื่องการเข้าร่วม NATO ลง เช่นเดียวกัน ท่าทีของยูเครนที่ดูมีแนวโน้มผ่อนคลายและประนีประนอมกับรัสเซียมากขึ้น เป็นความ คาดหวังในเชิงบวกว่าสถานการณ์อาจไม่ลุกลามและบานปลายไปมากกว่านี้ได้ โดย ASPS แนะนำติดตามการเจรจาของทั้ง 2 ประเทศในวันที่ 10 มี.ค. 2565 ที่กรุง Istanbul อย่างใกล้ชิด โดยหากการเจรจามีความคืบหน้าที่ดี เชื่อว่าจะช่วยให้ตลาด การเงินผ่อนคลายได้ แต่ในระหว่างนี้ ตลาดอาจแกว่งตัวผันผวนไปได้อีกระยะหนึ่ง
ราคาพลังงานเพิ่มสูง ภาครัฐเดินหน้ามาตรการลดค่าครองชีพ
ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงจากความกังวลรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ภาครัฐ เดินหน้าผลักดันมาตรการลดผลกระทยต่อภาคประชาชนและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น
อนุมัติปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เหลือ 0% เป็นเวลา 6 เดือน (สิ้นสุด 15 ก.ย. 2565) โดยคาดว่าจะช่วยให้ค่าไฟฟ้าลดลง ประมาณ 1–1.50 บาทต่อหน่วย ช่วยบรรเทาภาระต่อประชาชนและธุรกิจ
• ตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกินลิตรละ 30 บาท
• เตรียมพิจารณาปรับลดภาษีน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน
• ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าตรึงราคาขายปลีก เช่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปรับเพิ่มเฉพาะราคาขายส่ง แต่ยังไม่ปรับราคาขายปลีก
ทั้งนี้ เชื่อว่ามาตรการข้างต้นมีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ ใน ระยะสั้น โดยหลังจากนี้ต้องติดตามว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นเช่นใด ซึ่งหากไม่ยืดเยื้อ เชื่อว่าจะมีผลกระทบเพียงช่วงสั้นๆ แต่หากยืดเยื้ออาจ สร้างแรงกดดันต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและนำมาสู่แรงกดดันเงินเฟ้อได้ แต่ถึงแม้ว่า แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยจะสูง ASPS เชื่อว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อ เพราะ กนง. น่าจะให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าควบคุมเสถียรภาพด้านราคา
SET Index ผันผวนวานนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งปิดในธุรกรรม Block Trade
ความผันผวนที่เกิดขึ้นของ SET Index วานนี้ที่ปรับลงแรง 2.82% ก่อนจะไล่กลับมา ลดช่วงลบเหลือ 0.47% ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งปิดในธุรกรรม Block Trade สะท้อน ได้จากมูลค่า Block Trade ที่ลดลง 3.98 พันล้านบาท ปัจจุบันวงเงินคงค้างอยู่ที่ 4.36 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้หากประเมินจากฐานรอบก่อนที่เคยอยู่ระดับ 3.9 หมื่นล้านบาท ทำ ให้แรงขายจากนี้น่าจะเริ่มเบาลง กอปรกับสัญญาณทางเทคนิคที่เกิดสัญญาณแท่งเทียน Hammer สะท้อนแรงซื้อคืนเริ่มกลับมาน่าจะทำให้ SET Index อยู่ในภาวะสร้างฐาน เพื่อรอจังหวะฟื้นตัว ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯมองหุ้นที่มีโอกาสฟื้นได้เร็วกว่าตลาดประกอบด้วยหุ้นในกลุ่มค้าปลีก กลุ่มขนส่งและกลุ่ม ธ.พ. ที่วานนี้เห็นแรงดึงกลับได้เร็วกว่าตลาดรวมรวมถึงแนวโน้มผล ประกอบการยังมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยฝ่ายวิจัยฯ ชอบ CPALL (BK:CPALL) BJC MAKRO HMPRO AOT (BK:AOT) และ KBANK
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities