👁 ค้นพบหุ้นชนะตลาดเหมือนกับนักลงทุนมือโปรด้วยข้อมูลเชิงลึกจาก AI มหกรรมลดราคา Cyber Monday จะหมดเขตเร็ว ๆ นี้!รับส่วนลด

ทองคำ น้ำมันกอดคอกันขึ้นหลังตลาดทราบความเสี่ยงของการใช้อาวุธนิวเคลียร์จากรัสเซีย

เผยแพร่ 01/03/2565 13:59
XAU/USD
-
USD/RUB
-
DX
-
GC
-
LCO
-
CL
-
NG
-
PA
-
ZW
-
ZC
-
MAL
-
NICKEL
-

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันและทองคำต่างพากันเปิดตลาดเมื่อวานนี้ด้วยแก็บ (gap) ขาขึ้น จากความกังวลของนักลงทุนที่กลัวว่าสงครามครั้งนี้มีความเป็นได้ที่อาจจะได้เห็นการใช้งานระเบิดนิวเคลียร์ เพื่อตอบโต้การถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก Crude Daily

ความกังวลนี้ส่งให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์กระโดดขึ้น 6% เปิดแก็บตั้งแต่การเปิดตลาดในช่วงเช้าของฝั่งเอเชียเมื่อวาน ในขณะเดียวกัน ธนาคารโกลด์แมน แซคส์คาดว่ามีโอกาสที่จะได้เห็นราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมากถึง $120 ต่อบาร์เรล Brent Daily

เช่นเดียวกับราคาน้ำมัน ราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเปิดแก็บขาขึ้นจนสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ $1,935 เทียบกับราคาเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้านั้นที่ยังเคยวิ่งอยู่ที่ $1,887.60 Gold Daily

ไม่ว่าจะเป็นแก็บขาขึ้นหรือขาลง การที่เกิดช่องว่างระหว่างราคาเช่นนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีความเปลี่ยนแปลงทางปัจจัยพื้นฐาน ที่ส่งผลให้ราคาขยับตัวอย่างรวดเร็วในขณะที่ตลาดกำลังปิดทำการอยู่ สาเหตุของความเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องอื่น นอกจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครน ที่ล่าสุดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของรัสเซียสั่งให้วาง "กองกำลังป้องปราม" ซึ่งถืออาวุธนิวเคลียร์ให้เตรียมตัว ในขณะที่สหภาพยุโรป 27 ชาติตัดสินใจเมื่อวันอาทิตย์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในการจัดหาอาวุธให้กับประเทศยูเครน

การถูกแบนจาก SWIFT ส่งผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์จากรัสเซีย

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวขึ้นการที่ธนาคารหลายแห่งของรัสเซียถูกขับออกจากการใช้งาน SWIFT ระบบการทำธุรกรรมทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก นี่คือการลงโทษจากชาติตะวันตกที่รุนแรงที่สุด และเป็นความพยายามที่จะกดดันรัสเซียให้ยอมถอยทัพออกจากยูเครน สาเหตุที่การถูกแบนจากระบบ SWIFT ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นนั้นเป็นเพราะความสามารถในการชำระเงินกับการค้าขายต่างประเทศจะถูกจำกัด มีสถาบันการเงินมากกว่า 300 แห่งในรัสเซียที่พึ่งพาการทำธุรกรรมผ่าน SWIFT

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเมื่อรัสเซียถูกแบนออกจาก SWIFT ความเป็นไปได้ที่พอจะมองเห็นคือรัสเซียต้องหันไปพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้านคู่ค่าคนสำคัญอย่างจีน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้การค้าขายชะลอตัว และมีต้นทุนการทำธุกรรมที่สูงขึ้นอยู่ดี และเมื่อวานนี้เองธนาคาร Sberbank ในยุโรปซึ่งเป็นสาขาย่อยของธนาคารรัสเซียพึ่งจะถูกเตือนจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรตามไปด้วย

Edward Fishman นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัย Eurasia Center of the Atlantic Council เขียนลงทวิตเตอร์ของเขาว่า 

“ตอนนี้ทำเนียบขาวและพันธมิตรตะวันตกยังไม่ได้ประกาศว่าธนาคารใดในรัสเซียจะเป็นเป้าที่ถูกแบนจาก SWIFT แต่ถ้ารายชื่อนั้นครอบคลุมธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เช่น VTB และ Gazprombank ก็จะเป็น "เรื่องใหญ่โตอย่างแน่นอน”

แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ความผันผวนภายในประเทศรัสเซียเริ่มทำให้ประชาชนสัมผัสได้แล้ว ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียผันผวนอย่างหนัก จนทำให้ปูตินต้องสั่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยฉับพลัน เพื่อหวังว่าจะสามารถประคองเกมสงครามที่เขากำลังเล่นอยู่ให้ดำเนินต่อไปได้

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจะขึ้นไปถึงไหน?

ด้วยความไม่แน่นอนระยะสั้นจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน นักวิเคราะห์จึงปรับคาดการณ์ราคาสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าโภคภัณฑ์ที่รัสเซียผลิตเป็นหลัก โดยกลัวว่าจะเกิดการกีดกันการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น 

ปัจจุบันรัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันให้กับโลก 10% และเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติไปให้กับยุโรปมากถึง 40% นอกจากนี้รัสเซียยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอย่างเช่น พาลาเดียมและนิกเกิล รัสเซียเป็นผู้ส่งออกถ่านหินและแร่เหล็กเป็นอันดับสามของโลก และเป็นผู้ส่งออกไม้เป็นอันดับที่ห้าของโลก

ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ให้ความเห็นต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มาจากรัสเซียว่า

“เราเชื่อว่าสินค้าโภคภัณฑ์ที่รัสเซียเป้นผู้ผลิตหลักอย่างเช่นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติที่ส่งให้ยุโรป อลูมิเนียม พาลาเดียม, นิกเกิล ข้าวสาลีและข้าวโพดจะมีราคาที่แพงขึ้นกว่าระดับราคาในปัจจุบัน ในระยะสั้นมีโอกาสที่จะได้เห็นราคาน้ำมันขึ้นไปวิ่งอยู่ที่ $110 - $120 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ระดับความต้องการน้ำมันดิบต่อวันจะเพิ่มขึ้นเป็น 2-4 ล้านบาร์เรล เพื่อชดเชยการส่งออกน้ำมันของรัสเซียที่หายไป”

นอกจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครน ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อขาขึ้นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ มิคาอิล อุลยานอฟ นักการทูตระดับสูงของรัสเซียกล่าวในการเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่านว่า “มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านในข้อตกลงปรมาณูปี 2015 จะได้รับการแก้ไขก่อนสิ้นสัปดาห์หน้า”

อุลยานอฟกล่าวว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งยังคงสามารถเร่งการเจรจาได้ คาดการณ์ว่าความแตกต่างในข้อตกลงระหว่างเตหะรานและคณะผู้แทนอื่นๆ ในการเจรจาจะได้รับการแก้ไขภายในกลางเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการกลับมาของอิหร่านอย่างถูกต้อง และเป็นการเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันออกสู่ตลาดโลกอีกครั้ง

นั่นเป็นสาเหตุที่ซิตี้แบงก์ได้ปรับเพิ่มประมาณการราคาน้ำมันในไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ขึ้น 12 ดอลลาร์เป็น 91 ดอลลาร์ แต่ก็คาดว่าราคาน้ำจะลดลงสู่ระดับ 60 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้

“หากราคาน้ำมันยังไม่ปรับตัวลดลงภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 เราคาดว่าโลกจะสามารถผลิตน้ำมันได้มากขึ้นภายในครึ่งปีหลัง ถึงแม้จะมีความเสี่ยงทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม” ซิตี้แบงก์กล่าวเสริม

กลับมาที่ฝั่งสหรัฐอเมริกา ในสัปดาห์นี้ก็มีความเคลื่อนไหวที่สมควรแก่การจับตามองเป็นอย่างยิ่งอยู่เช่นกัน อย่าลืมว่าตอนนี้เราได้เข้าสู่เดือนมกราคมอย่างเป็นทางการแล้ว และสัปดาห์แรกของเดือนมักจะมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกาอยู่เป็นประจำ แต่ประเด็นแรกที่นักลงทุนจะให้ความสนใจคือถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีต่อคณะกรรมการสภาบริการทางการเงินของสหรัฐอเมริกาในวันพุธ และถ้อยแถลงต่อคณะกรรมการสภาบริการทางการเงินของสหรัฐอเมริกาในวันพฤหัสบดี

ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางสหรัฐเคยเป็นข่าวว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอนภายในการประชุมในช่วงกลางเดือนนี้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เมื่อมีไฟสงครามเข้ามาเป็นประเด็น นี่อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องเปลี่ยนเงื่อนไขในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้หรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าอเมริกาจะอยู่คนทวีปกับรัสเซียและยูเครน แต่ประชาชนก็ยังได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่แพงขึ้น ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการใช้ชีวิตให้มีราคาเพิ่มขึ้นด้วย สิ่งนี้อาจกลายเป็นประเด็นฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาได้

นอกจากนี้ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมากที่สุดในสัปดาห์นี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งภาคเอกชน (ADP) จะเป็นผู้รายงานก่อนในวันพรุ่งนี้ นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าตัวเลขการจ้างงานฯ ในวันศุกร์จะมีตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 450,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราการว่างงานจะออกมาลดลงอยู่ที่ 3.9% และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยรายปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% 

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย