เป็นที่ทราบกันดีว่า “ฉางเผิง จ้าว” (Changpeng Zhao) (CZ) เป็นผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกนาม “ไบแนนซ์” (Binance) ความสำเร็จของไบแนนซ์ทำให้เขาเป็น CEO ของบริษัทและผู้ประกอบการในวงการคริปโตฯ ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าสุทธิเกือบ $100,000 ล้านดอลลาร์
CZ เปิดตัว Binance ในเดือนกรกฎาคม 2017 ในประเทศจีน หลังจากระดมทุนได้ 15 ล้านดอลลาร์ แต่เมื่อกฎหมายคุมเข้มสกุลเงินดิจิทัลในประเทศจีนมีความรุนแรงมากขึ้น เขาจึงจำเป็นต้องเดินทางออกจากประเทศจีน ปัจจุบันบริษัทไบแนนซ์จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมนและ CZ กลายเป็นมหาเศรษฐีในปี 2018
ตลอดเวลาที่ดำเนินกิจการ Binance และ CZ ประสบปัญหากับหน่วยงานกำกับดูแล และมีปัญหากับรัฐบาลในยุโรปและสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด ในเดือนพฤษภาคมปี 2021 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลต้องอยู่ภายใต้การสอบสวนโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐและกรมสรรพากร และไบแนนซ์ก็มักจะตกเป็นเป้าของรายงานเกี่ยวกับการการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม มูลค่าสุทธิของบริษัทและ CZ ยังคงเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ไบแนนซ์ประกาศว่าจะลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ใน Forbes ซึ่งเป็นบริษัทสื่อระดับโลกที่มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ การลงทุน เทคโนโลยี ผู้ประกอบการ ความเป็นผู้นำ และไลฟ์สไตล์ ฟอร์บส์มีอายุมากกว่าหนึ่งศตวรรษ โดยฉบับแรกตีพิมพ์เมื่อวันที่ 15 กันยายน 1917 หากมองดูข่าวนี้ผ่านๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นความแปลกใหม่ที่ CZ และ Binance ซึ่งมีธุรกิจกับสกุลเงินดิจิทัลหันมาให้คนสนใจนิตยสารชื่อดัง แต่เหตุใดไบแนนซ์จึงขยายขอบเขตขยับเข้ามาควบรวมแบรนด์สื่อ? นั่นคือสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ
ไบแนนซ์ในฐานะแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล
เว็บไซต์ของไบแนนซ์ระบุว่าพวกเขาเป็น “สถานที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ถึงแม้ว่าจะระบุว่าไม่สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้ก็ตาม ถึงกระนั้น ไบแนนซ์ก็แก้เกมด้วยการเปิดตัว Binance.US (BAM Trading Services) เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ควบคุมโดยสหรัฐฯ ซึ่งให้บริการในสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 50 สกุลเงิน มีจุดเด่นที่ "ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่ำ"
หากนับเฉพาะตัวไบแนนซ์เอง จะพบว่าในแต่ละวันมีการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์ มีการประมวลผลมากกว่า 1.4 ล้านธุรกรรมต่อวินาที ไบแนนซ์ให้การสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ไบแนนซ์มีสกุลเงินBinance coin (BNB) เป็นสกุลเงินที่ใช้บน Binance Chain ซึ่งเป็นระบบซอฟต์แวร์บล็อคเชนที่พัฒนาโดย Binance และเหล่าสาวก
สกุลเงินอันดับที่ 4 ของโลกดิจิทัล: Binance Coin
BNB มีการหมุนเวียนหลายรูปแบบ และขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองผ่านระบบนิเวศของไบแนนซ์ ที่นี่ผู้คนจะเรียกค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมว่า 'ก๊าซ' ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ BNB เป็นสกุลเงินดิจิตอลชั้นนำอันดับ 4 อ้างอิงจากการจัดอันดับตามมูลค่าราคาตลาดโดย CoinMarketCap ล่าสุด BNB มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 339.09 ต่อดอลลาร์ มีมูลค่ารวมมากกว่า 56.15 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ สกุลเงินที่อยู่ในอันดับที่ 3 คือ Tether และอันดับที่ 5 คือ USD Coin
ที่มา: CoinMarketCap
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นวันที่ BNB ที่เคยมีราคาซื้อขายอยู่ ณ 0.11 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม 2017 ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 678 ดอลลาร์ในวันที่ 20-21 มีนาคม 2020 อย่างไรก็ตาม BNB ต้องร่วงลงมาอยู่ที่ 339 ดอลลาร์ได้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตามขาลงของสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ที่แม้แต่บิทคอยน์และอีเธอเรียมก็หนีไม่พ้น
Binance USD ในฐานะ Stablecoin
นอกจากการสร้างสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเองแล้ว ไบแนนซ์ยังก้าวเข้าสู่โลกสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ด้วยการสร้างBinance USD (BUSD) ที่อ้างอิงมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงบริการทางการเงินแห่งรัฐนิวยอร์ก BUSD เป็นความร่วมมือระหว่าง Binance และบริษัท Paxos Trust Company บริษัทการเงินและเทคโนโลยีในนิวยอร์ก
ที่มา: CoinMarketCap
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นวันที่ BUSD เคยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 ก่อนที่จะขยับตัวขึ้นไปยังจุดสูงสุด $1.0524 ในเดือนมีนาคม 2020 และร่วงลงสู่จุดต่ำสุด 97.0 เซนต์ในเดือนเดียวกัน BUSD เป็นคู่แข่งแข่งกับ Tether ( USDT) และเหรียญ USD (USDC) โดยตรง จากการจัดอันดับโดย CoinMarketCap ตอนนี้ BUSD อยู่ที่ 10 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 18.3 พันล้านดอลลาร์ มีราคาซื้อขายล่าสุดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์อยู่ที่ 0.9997
Binance กับการลงทุน $200 ล้านเหรียญใน Forbes
ความสามารถในการทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลของไบแนนซ์ ทำให้เมื่อเร็ว ๆ นี้ไบแนนซ์กล้าที่จะขยายปีกด้วยการลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ใน Forbes บริษัทสื่อที่ถูกขนานนามในระดับโลกว่า “แบรนด์แห่งข้อมูลทางธุรกิจที่โดดเด่น” การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการลงทุนจากภาคเอกชนมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริษัทมีเงินมากพอที่จะไปควบรวมกิจการของบริษัท SPAC
CEO ของ Binance กล่าวถึงเหตุผลของการลงทุนครั้งอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ในขณะที่เทคโนโลยีบล็อกเชน คริปโตฯ และ Web 3.0 ก้าวไปข้างหน้า เรามีความตระหนักดีว่าสื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความเข้าใจและการศึกษาของลูกค้าในวงกว้าง การลงทุนครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของการพาสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชนไปสู่กระแสหลัก”
พลังของสื่อ + พลังของเทคโนโลยี
สื่อเป็นสิ่งที่ทรงพลัง สื่อสามารถเป็นตัวกำหนดความคิดเห็นและพฤติกรรม ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาสื่อมวลชนได้เปลี่ยนจากการพิมพ์หนังสือพิมพ์มาสู่รูปแบบสื่อนับไม่ถ้วนที่เป็นลูกหลานของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ปัจจุบัน Forbes ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีอายุมากกว่าศตวรรษ ไบแนนซ์เปรียบเสมือนคลื่อนลูกใหม่ที่จะมาทำให้คนแก่มีความเข้าใจโลกในปัจจุบัน เพื่อการเติบโตและการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจและผู้นำทางธุรกิจอื่นๆ ได้ลงทุนในองค์กรสื่อมากขึ้น ในปี 2013 เจฟ เบโซส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ “แอมาซอน” (Amazon) ได้ซื้อหนังสือพิมพ์ Washington Post ภายในระยะเวลาเพียงสามปี หลังจากนั้น WP ก็สามารถเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บเป็นสองเท่า และทำกำไรได้
สื่อมวลชนเป็นกำลังสำคัญเสมอมา ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลหรือเป็นอิสระ การลงทุนของ Binance ใน Forbes คือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างบล็อกเชน สกุลเงินดิจิทัลและฟินเทคฯ มาใช้กับสื่อที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว การลงทุนครั้งนี้ของไบแนนซ์เชื่อได้เลยว่าจะทำให้วงการสกุลเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้แน่นอน