SET มีMomentum เหวี่ยงขึ้น แต่จะเบาลง Top Pick เลือก KCE, MAKRO และ STEC
ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานดูยังไม่มีเรื่องใหม่ๆ หรือ แม้พัฒนาการของเรื่อง เดิมที่เข้ามามีอิทธิพลต่อทิศทางตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเคลื่อนไหวของ SET Index จึงน่าจะเป็นลักษณะของ Momentum ต่อเนื่องจากวันที่ผ่านๆ มา บวกด้วยกระแสเชิงบวกที่เข้ามาหนุนต่อเล็กน้อย เช่น การปรับตัวขึ้นของ ตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคา Commodity โดยภาพรวมที่ยังปรับขึ้น ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยมีเรื่องของ Fund Flow จากต่างชาติที่ไหลเข้ามาต่อ สำหรับ Investment Theme ยังคงให้น้ำหนักในหุ้นกลุ่ม Old Economy ที่ผล ประกอบการมีการฟื้นตัวไปตามภาพรวมเศรษฐกิจ ขณที่ Valuation ยังอยู่ใน โซนที่ถูก เช่น ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมา และ อสังหาฯ เป็นต้น
SET Index ผ่านแนวต้าน 1658 จุด มาได้เชื่อว่าน่าจะมีMomentum เหวี่ยง ขึ้นได้ต่อ แต่อัตราการปรับขึ้นน่าจะช้าลง พอร์ตจำลองไม่มีปรับเปลี่ยน หุ้น Top Pick เลือก KCE, MAKRO และ STEC
ปัจจัยกดดันต่างๆสะท้อนผ่านราคาหุ้นไปมากแล้ว หนุนตลาดหุ้นโลกฟื้นต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นโลกวานนี้ฟื้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นำโดยตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.2%, ตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.7%,ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.4% ASPS มองว่าเกิด จากการที่ราคาหุ้นได้สะท้อนประเด็นลบต่างๆในช่วงที่ผ่านมาไปพอสมควรแล้ว สะท้อนจากตลาดหุ้นโลกปรับฐานลงมากเมื่อเดือน ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัย ลบอื่นๆยังไม่มีเข้ามาเพิ่มเติม ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวฟื้นขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม ASPS มองว่าหากในระยะข้างข้างหน้าไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยหนุน เพิ่มเติม ตลาดหุ้นโลกอาจมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นได้ สะท้อนจากตลาดหุ้นโลกเริ่ม มีสัญญาณปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงบ้างแล้ว เช่น ดัชนี S&P500 +2.4%, +1.9%, 0.7% ใน 3 วันทำการที่ผ่านมาตามลำดับ
ขณะที่ค่าเงิน Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่องวันที่ 2 โดยอ่อนค่าอีก 0.3% สอดคล้องกับ ตลาดหุ้นที่ปรับขึ้น เนื่องจาก Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยไป ยังสินทรัพย์เสี่ยง และ Dollar Index ที่อ่อนค่า ช่วยให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าวันที่ 2 ซึ่ง เอื้อให้ Fund Flow ไหลเข้ามาไทยสะดวกขึ้น
ค่าเงิน Dollar Index อ่อนค่ายังมีส่วนช่วยให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ทรงตัวสูงต่อ ได้ เช่น กากถั่วเหลือง-ถั่วเหลือง, ค่าระวางเรือ, น้ำตาล, น้ำมันดิบ เป็นต้น ช่วยรักษา กระเก็งกำไร หรือ Trading ในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น TVO, TTA, PSL, RCL, KSL, PTTEP, PTT (BK:PTT), TOP เป็นต้น
สำหรับราคาน้ำมันดิบ ในวันนี้ให้น้ำหนักการประชุม OPEC+ ซึ่งตลาดคาดว่า OPEC+ จะยังคงมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตไว้ที่ 4 แสนบาร์เรล/วัน ตามแผนเดิมต่อไป
สำหรับประเด็นอื่นๆในสัปดาห์นี้ ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ อังกฤษ (BOE) ในวันที่ 3 ก.พ. 2565 โดยตลาดคาด ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อ แต่ BOE อาจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจาก 0.25% เป็น 0.5% หลังอังกฤษเผชิญอัตราเงินเฟ้อ สูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี และในวันที่ 4 ก.พ. 2565 ติดตามภาวะตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่ง เชื่อว่าจะมีน้ำหนักต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต่อไป
เปิดซองรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ บริษัทรับเหมาใหญ่แบ่งงานกันถ้วนหน้า
วานนี้ (1 ก.พ. 65) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เปิดซอง ข้อเสนอที่ 3 ( ซองราคา) การประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสาย สีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) วงเงินกว่า 8.2 หมื่นล้าน บาท โดยแบ่งออกเป็น 6 สัญญา ผลดังนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้เสนอราคาต่ำสุดในแต่ละสัญญา เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียง เล็กน้อย สะท้อนภาวะการแข่งขันด้านราคาที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก เนื่องจากบริษัท รับเหมาก่อสร้างยังมีความกังวลต่อต้นทุนก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นโดยเป็นการ กระจายงานไปยังบริษัทรับเหมารายใหญ่ถ้วนหน้าทั้ง ITD,CK,STEC,UNIQ และ NWR ขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา จะเป็นการตรวจสอบ รายละเอียดอีกครั้ง หลังจากนั้น จึงจะเจรจาตกลงราคากับผู้ที่เสนอราคาต่ำที่สุดของแต่ ละสัญญา ซึ่งคาดว่าภายในเดือน ก.พ 65 จะเจรจาได้ข้อยุติด้านราคา ก่อนที่จะมีการลง นามสัญญาสั่งจ้างก่อสร้างฯ ต่อไป โดยฝ่ายวิจัยจะเริ่มเห็นการรับรู้รายได้งานก่อสร้าง โครงการนี้ในช่วง 3Q65 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัย ASPS มีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปีนี้ที่ภาครัฐจะเร่งเดินหน้า เปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โครงการ ประมูลใหญ่ถัดไปที่น่าจับตามองคือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกมูลค่า 1.2 แสน ล้านบาท จะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง BEM ที่มี CK เป็นผู้รับเหมาหลัก และ BTS ที่ มี STEC เป็นผู้รับเหมาหลัก ทำให้กลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะได้ทั้งกระแสเก็งกำไรและเห็น การฟื้นตัวของผลประกอบการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ได้รับผลกระทบอย่าง หนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ ช.การช่าง จำกัด (BK:CK) และ ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (BK:STEC) ส่วน ITD และ NWR มีพื้นฐานที่อ่อนแอกว่าและมีปัจจัยเสี่ยง เฉพาะตัวเช่นการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์และการปรับประมาณการต้นทุนก่อสร้าง บ่อยครั้งทำให้มีอัตรากำไรไม่สม่ำเสมอ
เงินบาทแข็งค่า Flow ต่างชาติชอบหุ้นไทย ลุ้น SET Index ยืนเหนือ 1670 จุด
ปัจจัยภายนอกที่ดูดีขึ้นตามหัวข้อด้านบน ทำให้ดัชนีหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่วานนี้ปิด ตัวในแดนบวก อาทิ Dowjones +273.38 จุด(+0.78%) ,FTSE100 +71.41 จุด (+0.96%) ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศอย่างการแพร่ระบาด COVID Omicron ไม่ได้ ส่งสัญญาณทางลบเพิ่มเติมทั้งในมุมผู้ติดเชื้อรายใหม่ และ ผู้เสียชีวิต อีกทั้งค่าเงินบาท ยังแข็งค่าช่วงสั้นอยู่ระดับ 33.20 บาท/เหรียญฯ จึงทำให้ Fund Flow ไหลเข้าตลาด หุ้นไทยมากสุดในภูมิภาค โดยปัจจุบันเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ต่อเนื่อง โดยในเดือน ม.ค. 65 โดยต่างชาติยังซื้อสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในภาคกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท หรือ 432 ล้านเหรียญ และยังไหลเข้สต่อเนื่องในเดือน ก.พ.65 ดังรูป ด้านล่าง
สรุปด้วยปัจจัยภายนอกที่คลี่คลาย บวกกับตลาดหุ้นไทยมีแรงหนุนเพิ่มเติมจาก ค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วงสั้น ประเมินกรอบ SET Index วันนี้ที่ระดับ 1652-1670 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดีและแนวโน้มกำไรต่อหุ้น เติบโตเกิน 30%YoY ในปีนี้ อย่าง MAKRO STEC KCE เป็น Top pick
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities