- ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นและโอมิครอนกดดันผลประกอบการ Q4 ของ American Airlines
-
และแม้ว่าการเดินทางในประเทศจะฟื้นตัวในปีหน้า แต่ก็มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่สายการบินจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ตราบใดที่การเติบโตของธุรกิจสายการบิน (ซึ่งพึ่งพาการเดินทางระหว่างประเทศและการเดินทางเพื่อธุรกิจ) ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ หรือการไปสร้างผลกระทบให้กับธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่เกียวข้อง ความเสี่ยงเหล่านี้ทำให้บริษัทต้องลดงบประมาณการดำเนินงานเพื่อความอยู่รอด
โดยสรุปแล้ว
ความเสี่ยงที่เข้ามารุมเร้าธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบินในปี 2022 ดูเหมือนจะมีมากกว่าปีที่แล้วเสียอีก ทั้งการกลายพันธุ์ของโควิด ภาวะเงินเฟ้อที่ดันราคาพลังงานให้สูงขึ้น การขาดแคลนแรงงาน ฯลฯ ความเสี่ยงเหล่านี้จะอยู่คู่กับหุ้นสายการบินไปจนกว่าโควิดจะกลายเป็นตัวหนังสือในหน้าประวัติศาสตร์ จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราไม่แนะนำให้ลงทุนกับหุ้นสายการบิน
- บริษัทจะรายงานผลกำไรไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการ
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร:$9,310 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: -$1.54
ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและน่าเห็นอกเห็นใจสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน ทั้งๆ ที่กำลังพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากก้นเหวที่ลึกที่สุดของธุรกิจ แต่ก็ต้องมาเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกับการระบาดระลอกใหม่ของโอมิครอนอีกรอบ แต่ครั้งนี้แรงกดดันระลอกใหม่มาพร้อมกับปัญหาต้นทุนทางพลังงานที่แพงขึ้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการลงทุนในหุ้นสายท่องเที่ยว หรือหุ้นสายการบินมากกว่าปีที่ผ่านมา
หนึ่งในผู้รับเคราะห์และจะเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนคือสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ (NASDAQ:AAL) ที่จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันพรุ่งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจะแสดงข้อมูลของการขาดทุนในช่วงนั้นว่ากำไรของบริษัทหายไปมากน้อยเพียงใด เมื่อเดือนตุลาคม สายการบินได้ออกมาเตือนผู้ถือหุ้นว่าต้นทุนทางพลังงานที่แพงขึ้นจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้นทุนค่าใช้จ่ายของเชื้อเพลิงมีความสำคัญไม่แพ้กับค่าแรงของพนักงาน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญที่สุดสำหรับสายการบิน ราคาพลังงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้สายการบินส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงัก หลังจากที่ดูเหมือนว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งหลัง ในไตรมาสที่สามเพียงอย่างเดียว สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ใช้เงิน $1,950 ล้านดอลลาร์ไปกับเชื้อเพลิงและภาษี เพิ่มขึ้นสามเท่าจากปีก่อนหน้า ต้นทุนพลังงานที่แพงขึ้น การระบาดระลอกใหม่ และสภาพอากาศที่เลวร้ายทำให้สายการบินประมาณ 20,000 เที่ยวบินในช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมาต้องถูกยกเลิก
การฟื้นตัวของสายการบินที่ต้องล่าช้าออกไป
สิ่งที่อเมริกัน แอร์ไลน์ต้องเจอก็เกิดขึ้นกับสายการบินอื่นไม่ต่างกัน สัปดาห์ที่แล้วสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ (NYSE:DAL) บอกกับนักลงทุนว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโอมิครอนอาจทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวต้องฟื้นตัวอย่างล่าช้าเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างน้อย 60 วันหรืออาจจะตลอดทั้งไตรมาสที่หนึ่ง ศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาเผยว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิดในอเมริกาจะถึงจุดสูงสุดอีกภายในเจ็ดวัน หลังจากนั้นพวกเขาคาดว่าการฟื้นตัวจะเริ่มกลับมาในช่วงครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์
ล่าสุดหุ้นของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์มีราคาปิดอยู่ที่ $17.90 ปรับตัวลดลงมากกว่า 3% แต่หากนับจากจุดสูงสุดในเดือนมิถุนายน ตอนนี้หุ้นของอเมริกัน แอร์ไลน์ปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 29% อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ก็ยังพอจะมีข่าวดีอยู่บ้าง อ้างอิงข้อมูลจากน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทางของประเทศสหรัฐอเมริกา (TSA) เผยว่าเห็นแนวโน้มที่ผู้โดยสารกล้าที่จะยอมรับความเสี่ยงเดินทางด้วยเครื่องบินมากขึ้น
หากเทียบจากยอดผู้โดยสารที่มาใช้บริการในสนามบินในช่วงนี้กับช่วงปลายปี 2019 พบว่ามีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 85% ลดลงจากช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าที่ 90% แต่ก็ถือว่าดีกว่าในช่วงปี 2020 มาก แต่ในมุมมองของสายการบินนั้น ตัวเลขเหล่านี้ไม่อาจบ่งชี้ได้ว่าธุรกิจที่พวกเขาทำจะกลับมาดีเป็นเหมือนก่อนได้ ในรอบห้าปีล่าสุด กองทุน ETF ที่ใช้วัดการเดินทางด้วยเครื่องบินทั่วโลก U.S. Global Jets ETF (NYSE:JETS) ได้ปรับตัวลดลง 23.5% ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นได้มากกว่าสองเท่า