รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

สัปดาห์แห่งการจับตาผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 อย่างเป็นทางการ คาดหุ้นวัฐจักรโดดเด่น

เผยแพร่ 17/01/2565 10:30
อัพเดท 02/09/2563 13:05

หนังจากที่ช่องข่าวเศรษฐกิจมีแต่การรายงานผลกระทบจากโควิด-19 เงินเฟ้อ และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในสัปดาห์นี้ความสนใจของนักลงทุนจะเปลี่ยนไปที่การรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ที่ความจริงแล้วเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา นำทัพโดยหุ้นกลุ่มธนาคารตามธรรมเนียม

นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้า +20% โดยมีโอกาสเอาชนะตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ +25%-30% หุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 95-100% คือกลุ่มวัฐจักร อันประกอบไปด้วยพลังงาน วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรม การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค ในขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีที่เคยเติบโตมาตลอดสองปีก่อนหน้านี้จะปรับตัวลดลง

ในความเห็นของเรา มีโอกาสที่หุ้นในกลุ่มวัฐจักรจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในสายตาของนักลงทุน ทุกครั้งที่เศรษฐกิจเริ่มจะมีการขยายตัว หุ้นในกลุ่มเน้นมูลค่ามักจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นสายเติบโต สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตลาดลงทุนกำลังเตรียมตัวที่จะเข้าสู่กับการต่อกรกับภาวะเงินเฟ้อ และครั้งนี้ ในปี 2022 จะเป็นปีแห่งการต่อสู้กับเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดในรอบสี่ทศวรรษ ตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) แบบปีต่อปีในเดือนธันวาคมที่ 7% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982 การที่หุ้นสายเน้นมูลค่าถูกมองข้ามมาตลอดสองปี ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากว่าตอนนี้จะมีมูลค่าแพงขึ้นเพราะนักลงทุนได้เข้าซื้อในราคาที่ถูกลง เรียกได้ว่าตอนนี้ถึงเวลาที่หุ้นสายเทคฯ ที่เคยวิ่งมาตลอดสองปี ต้องได้พักเหนื่อยกันบ้างแล้ว

ถึงแม้ว่าสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นจะเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในปี 2022 แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีหลักทั้งสามไม่ว่าจะเป็นเอสแอนด์พี 500 แนสแด็กและรัสเซล 2000 ต่างก็สามารถปิดบวกได้ มีเพียงดัชนีดาวโจนส์เท่านั้นที่จบสัปดาห์ด้วยการปรับตัวลดลง หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากกว่า 5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือกลุ่มพลังงาน เนื่องจากการลดกำลังการผลิต และนอกจากหุ้นกลุ่มพลังงาน มีเพียงกลุ่มผู้ให้บริการด้านคมนาคมเท่านั้นที่สามารถปิดบวกได้ (0.16%) ส่วนหุ้นเทคฯ นั้นปิดติดลบ 0.1% 

อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารได้รายงานผลประกอบการไปแล้ว แต่ถึงตัวเลขผลประกอบการของธนาคารชื่อดังอย่างเจพี มอร์แกน (NYSE:JPM) เวลล์ ฟาร์โก (NYSE:WFC) และซิตี้ กรุ๊ป (NYSE:C) จะสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ (เพราะการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย) แต่ราคาหุ้นกลับปิดสัปดาห์ที่แล้วด้วยการปรับตัวลดลง เหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดคือหุ้นเจพี มอร์แกนร่วงลงประมาณ 6% หลังจากที่ CFO ของเจพี มอร์แกนกล่าวว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเพราะเงินเฟ้ออาจทำให้ธนาคารไม่อาจทำตามเป้ามอบผลตอบแทนคืนจากเงินทุน 17%

เมื่อรายงานผลประกอบการของธนาคารถือว่าผ่านพ้นไปตามคาดของตลาด คำถามก็คือในสัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มวัฐจักรจะขยับตัวขึ้นตามหรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นตามด้วยหรือเปล่า?

อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันศุกร์คือกราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีทะยานขึ้นสร้างจุดสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2020 อัตราผลตอบแทนฯ ที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดมาจากการเทขายพันธบัตรรัฐบาล และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นมาแน่ จะมีอะไรเป็นตัวบ่งชี้ได้ดีกว่าการขายพันธบัตรของประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากที่สุด เพื่อไปหาการลงทุนประเภทอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าUST 10Y Weekly

รูปนี้แสดงให้เห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สร้างขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ ณ แนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์หลังจากที่ร่วงลงมาเพราะดัชนีราคาผู้บริโภคออกมาสูงที่สุดในรอบ 40 ปี

Dollar Daily

ในทางเทคนิคนั้นกราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้ลงมาเจอแนวรับที่เส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน แต่ด้านบนก็ชนแนวต้านของของกรอบราคาขาขึ้น จึงต้องจับตากันต่อในสัปดาห์นี้ว่าราคาจะสามารถกลับเข้าไปอยู่ในกรอบดังเดิมได้หรือไม่ หรือนี่คือการย่อเพื่อปรับตัวลดลง Gold Daily

เป็นที่น่าแปลกใจที่ทองคำปรับตัวลดลงเป้นวันที่สองติดต่อกัน ซึ่งเกิดในวันเดียวกับที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า

สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งบิทคอยน์หลังจากที่ขยับตัวขึ้นมาเมื่อวันจันทร์ก็วิ่งอย่างทรงตัว ถือเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าแนวรับ $40,000 ไม่ใช่จุดที่จะผ่านลงไปได้โดยง่ายBTC/USD Daily

แต่เมื่อพิจารณาจากภาพรวมใหญ่ ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของขาลงในระยะยาวออกไปได้เลย กราฟตอนนี้มีความเหมือนกับรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) มากไปเรื่อยๆ เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันก็ได้ตัดเส้น 200 วันลงมาแล้ว เท่ากับว่าโอกาสที่บิทคอยน์จะลงไปถึง $30,000 ยังมีอยู่

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 1% จนสามารถกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมได้เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐอเมริกาไม่เพียงพอต่องความต้องการ

Oil Daily

หากอ้างอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ก็ยังมีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงมาได้ สังเกตว่าเมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบ WTI ไม่ได้ทำราคาปิดที่จุดสูงสุดล่าสุด เท่ากับว่านี่คือแนวต้านที่อาจจะทำให้เกิดรูปแบบ double-top ขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EST)

วันอาทิตย์ 

21:00 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าจะปรับตัวลดลงจาก 4.9% เป็น 3.9%

21:00 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะปรับตัวลดลงจาก 3.8% เป็น 3.65%

 

วันจันทร์ 

(ยังไม่ยืนยัน) (ญี่ปุ่น) รายงานนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น

ตลาดลงทุนสหรัฐฯ ปิดทำการเพื่อรำลึกถึงวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง

 

วันอังคาร

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน: ตัวเลขครั้งก่อนออกมาอยู่ที่ -49.8K

05:00 (เยอรมัน) รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก ZEW: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 29.9 เป็น 32.7 จุด

 

วันพุธ

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 5.1% เป็น 5.2%

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง: คาดว่าจะลดลงจาก 1.717M เป็น 1.701M

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: คาดว่าจะคงที่อยู่ ณ 4.7% YoY

09:15 (สหราชอาณาจักร) ถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ

19:30 (ออสเตรเลีย) รายงานตัวเลขการจ้างงาน: คาดว่าจะลดลงจาก 366.1K เป็น 30.0K

20:30 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารกลางจีน: ปัจจุบันมีตัวเลขอยู่ที่ 3.80%

 

วันพฤหัสบดี

05:00 (ยูโรโซน) ดัชนีราคาผู้บริโภค: คาดว่าจะคงที่อยู่ที่ 5.0%

07:30 (ยูโรโซน) การประกาศนโยบายการเงินจากธนาคารกลางยุโรป

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก 230K เป็น 220K

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางฟิลาเดเฟีย: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 15.4 เป็น 20.0 จุด

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง: คาดว่าจะลดลงจาก 6.46M เป็น 6.43M

11:00 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: ครั้งก่อนออกมาอยู่ที่ -4.553M

 

วันศุกร์

01:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีก: คาดว่าจะลดลงจาก 4.7% เป็น 2.9%

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะคงที่อยู่ที่ 1.3% 

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย