🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน

เผยแพร่ 17/12/2564 13:32
DX
-
CL
-

แม้ว่าสิ้นปี 2021 กำลังจะมาถึง แต่อัตราเงินเฟ้อก็กลายเป็นเรื่องใหญ่และเร่งด่วนเรื่องหนึ่งสำหรับเศรษฐกิจโลก แน่นอนว่าโควิด เงินเฟ้อและความกังวลที่มีต่อเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในตลาดน้ำมัน ในฐานะนักลงทุน มีสาเหตุใดบ้างที่เป็นแรงส่งให้ตลาดน้ำมันขึ้นและลง นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาควรทราบ Crude Oil WTI Weekly Chart

ทุกคนทราบดีว่าแรงกดดันที่มีต่อราคาน้ำมันมากที่สุดในตอนนี้คือการกลับมาอยู่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์อีกครั้งของโรคระบาดโควิดที่มาในสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” แต่เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น (ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะถาวรแล้ว) อาจจะเป็นแรงผลักดันที่หนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นได้ อ้างอิงข้อมูลจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ณ ตอนนี้เงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกามีระดับอยู่ที่ 6.8% นี่คือการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 1982 ในขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิตก็ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 9.6% ความกังวลที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อนี้ได้ทำให้มติการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวันพุธที่ผ่านมามีความเห็นชอบให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งภายในปี 2022 หากจำเป็น

ถามว่ามีใครบ้างที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ? นอกจากประชาชนอย่างเราที่สามารถสัมผัสได้ทันทีว่าสินค้ามีราคาที่แพงขึ้น บริษัทผู้ผลิตน้ำมันเองก็ได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้มากอยู่พอสมควร การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันทำให้ต้นทุนการดำเนินการของพวกเขาสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็น ค่าการดำเนินการ ค่าจ้างของแรงงาน ต้นทุนการขนส่ง ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น เงินเฟ้อยังทำให้มูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับเป็นกำไรลดลงอีกด้วย หมายความว่าถ้าอยากได้กำไรที่มากขึ้นก็ต้องขายน้ำมันให้ได้มากขึ้น 

นับตั้งแต่มีการระบาดเกิดขึ้น ฉันได้เขียนบทความหลายชิ้นที่เตือนถึงการด้อยค่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโจ ไบเดนในวงเงิน $4.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และวันนี้ สิ่งนั้นก็กำลังเกิดขึ้นแล้ว สร้างแรงกดดันให้กับเหล่าบรรดาบริษัทผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลก ให้ต้องขายน้ำมันในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อแลกกับการคงระดับกำไรหรือต้นทุนเอาไว้เท่าเดิม 

สำหรับนักลงทุนทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่าน้ำมันไม่ได้เป็นเพียงสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีไว้ดูว่าพรุ่งนี้เราจะได้เติมน้ำมันแพงขึ้นหรือไม่ แต่สำหรับผู้ผลิตการขึ้นหรือลงของราคาน้ำมันหมายถึงความเสี่ยงที่เป็นตัวแปรผกผันกับสัญญาที่พวกเขาได้เซ็นเอาไว้กับโรงกลั่น เพื่อที่จะเอากำไรคืนมา ในปี 2022 บริษัทผู้ผลิตน้ำมันจะยินดีมากหากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เพราะนั่นคือระดับกำไรที่พวกเขายอมรับได้ แต่สำหรับผู้บริโภค นั่นหมายความว่าต้นทุนการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเราในปีหน้าจะแพงขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง การกลับมาระบาดอีกครั้งของเชื้อไวรัสโควิด-19 นำภาพความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจกลับมาสู่นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงของสายพันธุ์โอมิครอนที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่ามีความร้ายแรงเพียงใด และความเป็นไปได้ที่จะมีมาตรการคุมเข้มทางสังคมเพิ่มขึ้น มาตรการที่เข้มงวดจะส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ และการที่เราต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปิดๆ เปิดๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้เห็นผู้คนออกมาประท้วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและสหราชอาณาจักร ที่การระบาดของโอมิครอนกลับมาลดความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจลง

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นักวิเคราะห์บางคนจึงเริ่มมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะลงไปอยู่ที $50 หรือ $40 ต่อบาร์เรล พวกเขายิ่งเชื่อว่าความคิดนี้เป็นไปได้หลังได้เห็นราคาน้ำมันถูกเทขายหลังจากช่วงแบล็ค ฟรายเดย์ แต่สำหรับฉัน ตัวแปรสำคัญของความเป็นไปได้ทั้งสองนี้คือความเร็วในการพัฒนาวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อกรกับไวรัสรุ่นใหม่ๆ นี่คือสิ่งที่ต่างออกไปจากปี 2020 และสถานการณ์ในปี 2022 จะไม่มีทางย่ำแย่ลงไปถึงจุดเดียวกันกับปี 2020 แน่นอน

สรุปสั้นๆ ส่งท้ายบทความนี้ก็คือในปีหน้า สำหรับขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบ พวกเขา (นักลงทุน) จะต้องเจอกับแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อ ที่ทำให้ต้นทุนด้านการดำเนินงานทุกอย่างแพงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน หากว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า $60 ต่อบาร์เรล พวกเขาจะต้องเจอกับแรงกดดันของข่าวดีที่มีวัคซีนต้านโควิดรุ่นใหม่ๆ ออกมา หากจะเรียกว่าปี 2022 คือภาคต่อ 2.5 ในเฟสของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็คงจะไม่ผิดมากนัก

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย