ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี่เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปี 2021 ทั้งๆ ที่ปีนี้สกุลเงินหลักอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียมต่างก็อยู่ในขาลง แต่ผลงานตลอดทั้งปีก็ยังถือว่าสามารถสร้างขาขึ้นได้ 63% และ 408% ตามลำดับ มูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดของสกุลเงินทั้งสองในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น $926,000 ล้านเหรียญสหรัฐและ $478,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่พึ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวันพุธ ทำให้สำนักข่าวบางแห่งออกมาประเมินภาพรวมตลาดสกุลเงินดิจิทัลในปี 2022 เอาไว้ว่า
“นโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ พึ่งประกาศไปอาจทำให้ความน่าสนใจของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ในปีหน้าลดลง ซึ่งจะส่งผลสนับสนุนไปยังตลาดสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นไปได้ของขาขึ้นในบิทคอยน์และอีเธอเรียม”
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เราได้เขียนบทความแนะนำกองทุน ETF ที่มีการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลไปแล้ว นั่นก็คือกองทุนชื่อดังอย่าง ProShares Bitcoin Strategy ETF (NYSE:BITO) และ Valkyrie Bitcoin Strategy ETF (NASDAQ:BTF) อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งสองกองทุนได้ปรับตัวลดลงไปแล้วตัวละ 33% และ 22% ตามลำดับ ย้อนไปก่อนหน้าที่จะมีสองกองทุนนี้ นักลงทุนสามารถลงในบิทคอยน์กับอีเธอเรียมฟิวเจอร์สผ่านกองทุนที่มีชื่อว่า Grayscale Bitcoin Trust (OTC:GBTC) หรือ Grayscale Ethereum Trust (OTC:ETHE) ได้
สำหรับนักลงทุนที่ถามว่ายังมีกองทุนอื่นอีกหรือไม่ที่เปิดโอกาสให้ลงทุนกับบิทคอยน์และอีเธอเรียมในรูปแบบของกองทุน? คำตอบคือมี ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำสองกองทุนน่าสนใจที่ลงทุนในบิทคอยน์และอีเธอเรียมฟิวเจอร์สกัน
1. VanEck Bitcoin Strategy ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $24.50
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $23.96 - $25.31
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.69% ต่อปี
กองทุนตัวแรกเป็นกองทุนที่ลงทุนในบิทคอยน์ผ่านตลาดฟิวเจอร์สที่มีชื่อว่า VanEck Bitcoin Strategy ETF (NYSE:XBTF) แน่นอนว่ากองทุนนี้ไม่ใช่การลงทุนผ่านบิทคอยน์โดยตรง นี่เป็นกองทุน ETF ที่อนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าสู่ตลาดคริปโตฯ ได้ผ่านโบรกเกอร์นายหน้า
XBTF เปิดให้เริ่มต้นลงทุนในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 มีราคาเปิดครั้งแรกอยู่ที่ $40.88 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $61.55 นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่เคยกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดนั้นได้อีกเลย และยังปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 25% มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ $142 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเป็นกองทุนที่อ้างอิงราคาตามตลาดฟิวเจอร์ส ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ต้องแปลกใจหากว่าราคาของกราฟที่วิ่งอยู่ในกองทุนนี้ไม่ตรงกับราคาบิทคอยน์ในตลาดสปอต
การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สนั้นมีสิ่งที่เรียกว่า Backwardation และ Contango คำนิยามของสองคำนี้ที่สั้นที่สุดคือ Backwardation - ในตลาดสินค้าล่วงหน้า ราคาอนาคตอยู่ตํ่ากว่าราคาปัจจุบัน ซึ่งมักจะเกิดในสภาวะตลาดหมี ส่วน Contango - ในตลาดสินค้าล่วงหน้า ราคาอนาคตอยู่สูงกว่าราคาปัจจุบัน ซึ่งมักจะเกิดในสภาวะตลาดกระทิง
สำหรับการลงทุนใน XBTF ตอนนี้เข้าข่ายที่จะเป็นสภาวะ Contago ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะคาดการณ์ว่ากองทุนที่อ้างอิงราคาจากฟิวเจอร์สมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงทีละ 5-7% ต่อปีได้ง่ายๆ หากจะพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือการคิดต้นทุนการลงทุนในกองทุนนี้ต้องพิจารณาจากราคาต้นทุนก่อนจะเข้า และอัตราความผันผวนที่กำลังเกิดขึ้น (ต้องเป็นในระดับที่ยอมรับได้) สำหรับคนที่เชื่อว่าปี 2022 จะเป็นปีทองแห่งการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล สามารถแบ่งเงินบางส่วนในพอร์ตมาลงทุนกับกองทุน XBTF ได้
2. Grayscale Ethereum Trust
- ระดับราคาปัจจุบัน: $37.33
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $11.99 - $47.40
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 2.0% ต่อปี
หากต้องการลงทุนอีเธอเรียม กองทุนที่สามารถช่วยคุณได้คือGrayscale Ethereum Trust (OTC:ETHE) ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ETH พึ่งจะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ $4,900 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาวิ่งอยู่ที่ $3,700
ETHE เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2017 มีทรัพย์สินอยู่ภายใต้การจัดการ $1,180 ล้านเหรียญสหรัฐ จุดประสงค์ของการเกิดมาของกองทุนนี้คือเป็นตัวอ้างอิงมูลค่าของอีเธอเรียมที่กองทุนถือครอง หมายความว่านักลงทุนสามารถดู ETHE เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของกองทุน ที่มีต่ออีเธอเรียมได้
ตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน ETHE ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 111% เทียบกับขาขึ้นของอีเธอเรียมสปอตที่ทำได้ 408% ถ้ามองในแง่ของความสามารถในการทำกำไร ก็ต้องยอมรับว่าลงทุนในอีเธอเรียมโดยตรงได้กำไรมหาศาลกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 เราเชื่อมั่นว่าจะยังคงเป็นปีขาขึ้นสำหรับสกุลเงินอีเธอเรียม เพราะตอนนี้เราได้เข้ามาถึงยุคที่สกุลเงินดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงตัวกลางการแลกเปลี่ยนอีกต่อไป แต่สามารถต่อยอดไปเป็นแพลตฟอร์มหรือพื้นที่ที่ให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดีย มาสร้างสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มของอีเธอเรียมได้ รู้หรือไม่ว่าสกุลเงินชื่อดังหลายตัวอย่างเช่น Litecoin, Cardano และ Dogecoin ต่างถูกสร้างขึ้นบนเครือข่ายของอีเธอเรียม การต่อยอดของสกุลเงินดิจิทัลบนอีเธอเรียมในปัจจุบันไปไกลถึงขนาดมีการทำธนาคารกลางไร้ศูนย์กลาง (DeFi) หรือเกมแบบไร้ศูนย์กลาง (GameFi) แล้ว
ในปัจจุบัน โลกความเป็นจริงกำลังให้การยอมรับอีเธอเรียมมากขึ้นเรื่อยๆ หลายๆ บริษัทอย่างเช่น Amazon (NASDAQ:AMZN), PayPal (NASDAQ:PYPL) และ Overstock (NASDAQ:OSTK) อนุญาตให้ชำระเงินด้วยสกุลเงินอีเธอเรียมได้แล้ว 95% ของ NFT ก็เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของอีเธอเรียม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจหากในอนาคตต่อจากนี้ เราจะได้เห็น ETH สร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้อย่างต่อเนื่อง