ในช่วงเช้าก่อนตลาดซื้อขายฝั่งสหรัฐอเมริกาจะเปิดทำการเมื่อวานนี้ ตลาดฟิวเจอร์ส และดัชนีหลักของสหรัฐฯ ทุกตัวล้วนแล้วแต่ปรับตัวลดลง มีเพียงดัชนีแนสแด็ก 100 เท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น สาเหตุที่ตลาดปรับตัวลดลงครั้งนี้เป็นความกังวลของตลาด ที่มีต่อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่ามันร้ายกาจมากน้อยเพียงใด
ก่อนหน้านี้ ดัชนีแนสแด็กเคยปรับตัวลดลงในช่วงที่ตลาดเชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว นักลงทุนกล้ารับความเสี่ยงมากขึ้น จึงได้นำเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์ประเภทอื่น แต่เมื่อมีข่าวของโอไมครอนถือกำเนิดขึ้นที่แอฟริกา ตลาดลงทุนก็หันกลับมาพึ่งพาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเหมือนเดิม ตอนนี้กลายเป็นว่าหุ้นกลุ่มเทคฯ คือสินทรัพย์คานความเสี่ยงอีกประเภทหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว เพราะในปี 2020 ในช่วงที่เกิดการระบาดใหม่ๆ กลุ่มหุ้นที่เติบโตมากที่สุดก็คือกลุ่มเทคโนโลยี
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของปี 2021 จะแตกต่างไปจาก 2020 เพราะเรามีวัคซีนต้านโควิดแล้ว และตลอดทั้งปี 2021 เราก็ได้เผชิญกับการกลายพันธุ์มากมาย แต่ไม่มีครั้งไหนที่ตลาดลงทุนจะตื่นตูมไปมากกว่าครั้งนี้ จนก่อให้เกิดการเทขายอย่างฉับพลันในหลายๆ ตลาดทุน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 900 จุด ราคาน้ำมันดิบ WTI ก็ได้ปรับตัวลดลงมามากถึง 11%
สำหรับดัชนีแนสแด็ก 100 การวิ่งกลับขึ้นมาครั้งนี้สร้างความเป้นไปได้อยู่สองแบบ หนึ่งคือการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นต่อไป และสองคือการย่อเพื่อเสริมแรงเข้าสู่ขาลงอย่างเป็นทางการ
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เรายังคงให้ดัชนีแนสแด็ก 100 วิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น กราฟยังคงสร้างลักษณะของขาขึ้นที่เป็น peak & trough ถึงแม้ว่าในระยะสั้นยังมีโอกาสที่ราคาจะหลุดเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้น ที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดในช่วงกลางเดือนตุลาคม ต้องยอมรับว่านี่เป็นพฤติกรรมที่แสดงว่าถึงจะเป็นขาขึ้น แต่ก็เป็นขาขึ้นที่เริ่มชะลอตัว
ถึงวันจันทร์ดัชนีแนสแด็กจะสามารถจบตลาดได้ด้วยแท่งเทียนขาขึ้น แต่กราฟกลับไม่สามารถกลับขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่สูงกว่าวันที่ 4 พฤศจิกายนได้ ณ จุดนี้ แทนที่เราจะได้เห็นการปรับตัวขึ้นต่ออย่างแข็งแกร่ง แต่เราอาจจะได้เห็นการสร้างไหล่ขวาของรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) แทน หากสำเร็จขึ้นมา มีโอกาสที่แนสแด็กจะปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 16,000 จุด
เมื่อหันมาพิจารณาที่อินดิเคเตอร์ จะเห็นว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นใน MACD เคยพยายามที่จะตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวขึ้นไป แต่ไม่สำเร็จ แสดงให้เห็นความอ่อนแรงของขาขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่อินดิเคเตอร์อย่าง RSI และ ROC ก็วิ่งอยู่ในขาลงแล้วเช่นกัน RSI สร้าง double-top และหลุดเส้น neckline ลงมาแล้ว ในขณะที่ ROC ก็กำลังจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่เกิดขึ้นจากแนวรับเดิม ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ให้กับความคิดที่ว่า “ขาขึ้นของแนสแด็กในระยะสั้นอาจหมดแรงแล้วจริงๆ”
การตัดสินครั้งสุดท้ายอาจจะต้องรอวัดที่การกลับไปทดสอบเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้น ที่ลากมาจากจุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมปี 2020 อีกครั้ง หากไม่สามารถกลับขึ้นไปวิ่งบนเส้นเทรนด์ไลน์เดิมได้ ก็อาจจะต้องเตรียมโบกมือลาขาขึ้นในเร็วๆ นี้
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง ควรรอเข้าซื้อหลังจากมีสัญญาณยืนยันว่าการดีดตัวกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่ขาขึ้นหลอก
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งขายทันทีที่รูปแบบหัวไหล่เสร็จสมบูรณ์
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายตอนนี้ทันที ถึงจะเป็นการสวนเทรนด์หลัก แต่ก็เป้นจังหวะที่ดี ที่สำคัญนักลงทุนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความชำนาญ และประสบการณ์สูง
ตัวอย่างการเทรด (ขาลง)
- จุดเข้า: 16,400
- Stop-Loss: 16,500
- ความเสี่ยง: 100 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:16,000
- ผลตอบแทน: 400 จุด
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4