Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,650 จุด เราคาดว่า SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway ถึง Sideway down แม้จะมีแรงหนุนจากราคา น้ํามันดิบที่กลับมาฟื้นตัว หนุนหุ้นในกลุ่ม oil play อย่างไรก็ตามเรายังให้น้ําหนักเพียงเก็งกําไร จากปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอ โดยเฉพาะความต้องการใช้น้ํามันดิบที่ได้รับผลกระทบจากการที่ หลายประเทศในยุโรป กลับมาดําเนินมาตรการจํากัดที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการดําเนินนโยบายล็อกดาวน์ โดยสถานการณ์โควิด-19 ในยุโรป ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อภาพรวมการลงทุน กลยุทธ์การลงทุนเรายังให้น้ําหนักหุ้นในพอร์ต 50% เรายังแนะนํา หุ้นในพอร์ต Core Investment โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อ ในประเทศฟื้นตัว รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม Re-opening ที่เราแนะนําอย่างต่อเนื่อง และ Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ในลักษณะเก็งกําไร อย่าง BLA และ PTTEP Bond yield ปรับเพิ่ม หลังดอกเบี้ยนโยบาย Bottomed out เลือก BLA เป็นหุ้นเด่น - อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เช้านี้ (23 พ.ย.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 1.676% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ปรับเพิ่มต่อเนื่องมาอยู่ที่ 2.031% ตอบรับจากการที่ นายเจอโรม พาวเวล จะยังคงดํารงตําแหน่ง ประธานเฟดต่ออีกสมัย รวมทั้งการดําเนินนโยบายการเงินตามแผน โดยเฉพาะการปรับลด QE และ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2H65 ขณะที่ปัจจัยในประเทศ แม้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตาม มติการประชุม กนง. ล่าสุด รวมทั้งการคงประมาณการ GDP ปี 2564 และเติบโตในอัตราที่เพิ่มขึ้นใน ปี 2565 เป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจของไทยผ่านจุดต่ําสุดไปแล้ว เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ย นโยบายของไทยที่ Bottomed out และ Downside ที่จํากัดมากขึ้น เรามองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มประกัน เราเลือก KBANK (BK:KBANK) ITB และ BLA แต่จะเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ
ราคาน้ํามันดิบปรับเพิ่ม หลังปริมาณสํารองสหรัฐฯ ลดลง และคาดหมายว่า OPEC+ จะชะลอแผน เพิ่มกําลังผลิต ในการประชุม 2 ธ.ค. แนะเพียงเก็งกําไร - สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.75 เหรียญ (+2.3%) หลังสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ํามัน ของสหรัฐฯ รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบ ลดลง 2.307 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่า ที่ Market Consensus คาดลดลง 0.95 ล้านบาร์เรล รวมไปถึงการที่ตลาดน้ํามันดิบกลับมา คาดหมายว่า OPEC+ จะตัดสินใจชะลอแผนการเพิ่มกําลังผลิตน้ํามัน ในการประชุม OPEC+ ที่จะ เกิดขึ้นวันที่ 2 ธ.ค. อย่างไรก็ตามราคาน้ํามันดิบยังคงมีทิศทางที่ผันผวน เนื่องจากปัจจุบันตลาด น้ํามันดิบได้รับผลกระทบจากความต้องการใช้น้ํามันดิบที่เริ่มเติบโตในกรอบที่จํากัด หลังหลาย ประเทศกลับมาดําเนินมาตรการจํากัดที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการดําเนินนโยบายล็อกดาวน์ รวมไปถึงการที่สหรัฐฯ ประกาศปล่อยน้ํามันออกจากคลัง สํารองเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาล (SPR) จํานวน 50 ล้านบาร์เรล (Market Consensus คาด 45-60 บาร์เรล) เพื่อมาช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ํามันที่ปรับเพิ่มจากภาวะ Supply Shortage โดย ปัจจุบันกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ รายงานว่าสหรัฐฯ ใน SPR มีน้ํามันดิบรวม 604.5 ล้านบาร์เรล รวมไปถึงอินเดียที่มีการประกาศปล่อย SPR จํานวน 5 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศ ที่ Market Consensus คาดหมายว่าพร้อมระบายน้ํามันไม่ว่าจะเป็น จีน 30 ล้านบาร์เรล ญี่ปุ่น 10 ล้านบาร์เรล และเกาหลีใต้ 10 ล้านบาร์เรล รวมสหรัฐฯ และอินเดียที่ประกาศเมื่อคืนที่ผ่านมา คาดว่าจะทําให้ระยะสั้นมีจะมีการปล่อยน้ํามันจาก SPR ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาร์เรล เราให้น้ําหนัก เพียงเก็งกําไร หุ้นในกลุ่ม Oil play (PTTEP และ PTT (BK:PTT)) รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของ สหรัฐฯ เดือน พ.ย. อยู่ที่ 59.1 จุด ทําจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ที่ระดับ 58.4 จุด / ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. อยู่ที่ 57.0 จุด ลดลงจากเดือน ต.ค. ที่ระดับ 58.7 จุด มุมมองทางเทคนิค - หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค: AMR BAM และ JKN
เพียงจะทําให้ระยะสั้นกาหลีใต้ 10 ล้านร้อมระบายน้ําในบาร์เรล นอการรวม 604.5 ล้วน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities