- บริษัทจะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ในวันพุธที่ 17 พฤศจิกายน หลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $6,820 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $1.11
การรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่เอ็นวีเดีย (NASDAQ:NVDA) ต้องแสดงให้ตลาดลงทุนเห็นให้ได้ว่าแนวโน้มขาขึ้นยังมีแรงส่งมากพอที่จะไปต่อได้ในอนาคต
ขาขึ้นของหุ้นเอ็นวีเดียมากกว่า 130% ได้ฉีกอัตราการเติบโตให้ทิ้งห่างจากบริษัทในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ด้วยกัน เมื่อเทียบกับดัชนีฟิลาเดเฟีย เซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นมาตรวัดหลักของวงการ พบว่าปีนี้เติบโตได้เพียง 36% เท่านั้น ขาขึ้นของหุ้นเอ็นวีเดียได้รับอานิสงส์เป็นอย่างมากจากความต้องการชิปประมวลผล ที่ตอนนี้เข้าไปอยู่ในทุกๆ อย่างรอบตัวเราแล้ว ไม่ใช่แค่เฉพาะคอมพิวเตอร์เท่านั้น ปัจจุบัน บริษัทเอ็นวีเดียวมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดอยู่ที่ $753,870 ล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับเจ็ดของโลก ราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดอยู่ที่ $753.87
อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ยอดขายของบริษัทเอ็นวีเดียนั้นสูงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์รายได้ในปีหน้าถึง 66 เท่า กลายเป็นบริษัทที่มียอดขายสูงเป็นอันสองรองจากบริษัทเทสลา (NASDAQ:TSLA) เท่านั้น และเป็นหุ้นที่มีราคาแพงที่สุดของดัชนีฟิลาเดเฟีย เซมิคอนดักเตอร์ด้วย ด้วยความสามารถนี้เอง นักวิเคราะห์ 36 จาก 41 คนจึงปรับให้หุ้นเอ็นวีเดียเป็นผู้ที่ทำผลงานขาขึ้นได้โดดเด่นมากที่สุด ณ ขณะนี้
ที่มา: Investing.com
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่น่าประหลาดใจคือนักวิเคราะห์กลับปรับราคาเป้าหมายหุ้นเอ็นวีเดียภายในระยะเวลา 12 เดือนลง 15% แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวลดลงก่อนที่จะเดินหน้าปรับตัวขึ้นสูงกว่าเดิม...หรือเปล่า?
โลกที่ก้าวเข้าสู่เมต้าเวิร์ส
หากจะกล่าวว่าตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเอ็นวีเดียเป็นท่อน้ำเลี้ยงของทุกวงการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีก็คงจะไม่ผิดนัก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจคลาวด์ คอมพิวติ้ง ปัญญาประดิษฐ์ ระบบขับเคลื่อนไร้คนขับ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เกมมิ่ง และขุดเหมืองคริปโตฯ ต่างก็ต้องการชิปประมวลผลหรือการ์ดจอทั้งนั้น และเมื่อมองออกไป ก็ไม่มีใครที่เหนือกว่าเอ็นวีเดียแล้วในตอนนี้
ยิ่งการสร้างเมต้าเวิร์สของบริษัทเฟสบุ๊ก(NASDAQ:FB) ถูกประกาศออกมา หลายคนมองว่านี่คือสัญญาณของการก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ ที่การใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงและเสมือนจริงจะแทบไม่มีความแตกต่าง ยิ่งทำให้ความต้องการชิปประมวลผลยิ่งมีมากขึ้น แล้วกำไรของเอ็นวีเดียจะไปไหนเสีย
ยังไม่ต้องพูดถึงโลกอนาคตอย่างเมต้าเวิร์สก็ได้ สำหรับปัจจุบัน เอ็นวีเดียก็สามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอยู่แล้วจากการขายชิปฯ ให้กับองค์กรที่ต้องการทำระบบศูนย์กลางข้อมูล และเกมที่นับวันก็ยิ่งต้องการภาพที่คมชัด สมจริง ก็ยิ่งทำให้ความต้องการการ์ดจอของเอ็นวีเดียเพิ่มมากขึ้นไปอีก สถิติล่าสุดของการรายงานผลประกอบการโดยเอ็นวีเดียวคือสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ 10 ไตรมาสติดต่อกัน มาเป็นระยะเวลา 5 ปี
Rick Schafer นักวิเคราะห์จาก Oppenheimer วิเคราะห์ว่า
“เพราะผมเห็นภาพการเติบโตอย่างมหาศาลนี้ ผมจึงได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นเอ็นวีเดียขึ้นเป็น “โดดเด่น” และปรับเป้าหมายราคาหุ้นขึ้นเป็น $350 ตั้งแต่ก่อนรายงานผลประกอบการ ไม่มีเหตุผลที่ผมจะไม่เชียร์หุ้นตัวนี้เลย ทั้งๆ ที่มีความต้องการชิปฯ เพื่อไปทำศูนย์กลางข้อมูล เล่นเกม หรือทำระบบเอไอมากขนาดนี้ แต่บริษัทกลับสามารถบริหารการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เอ็นวีเดียจะยังคงเป็นผู้นำแห่งวงการเซมิคอนดักเตอร์ไปอีกนานแสนนาน”
โดยสรุปแล้ว
เมื่อพูดถึงหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชื่อของบริษัทเอ็นวีเดียติดเข้ามา และเชื่อว่าหุ้นเอ็นวีเดียจะยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุนในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ต่อไป ขาขึ้นของหุ้นเอ็นวีเดียในตอนนี้สะท้อนให้เห็นความคาดหวังที่ตลาดลงทุนมีต่อบริษัท แต่เพราะโลกเมต้าเวิร์สยังไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในวันสองวันนี้ ดังนั้นต่อให้รายงานผลประกอบการสามารถทำสถิติเอาชนะตัวเลขคาดการณ์เป็นสมัยที่ 11 ได้ ก็อาจจะยังไม่พอที่จะพาราคาหุ้นขึ้นต่อในอนาคตอันใกล้