ลด 50%! ชนะตลาดในปี 2025 ด้วย InvestingProรับส่วนลด

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการ

เผยแพร่ 08/11/2564 10:30
NDX
-
XAU/USD
-
DJI
-
MSFT
-
GOOGL
-
AAPL
-
AMZN
-
PFE
-
DX
-
GC
-
CL
-
RTYH25
-
IXIC
-
US10YT=X
-
XLY
-
XLI
-
XLK
-
GOOG
-
BTC/USD
-

ถึงแม้ว่าตลาดลงทุนของสหรัฐอเมริกายังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ แต่นักวิเคราะห์กลับเชื่อว่าตัวเลขการจ้างงานฯ ที่ฟื้นคืนชีพกับรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ยังแข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดฯ ยังคงวิ่งอยู่บนเส้นทางขาขึ้นต่อไป อย่างที่คำโบราณมักจะกล่าวเอาไว้อยู่เสมอว่า ถึงความหวังจะมีเพียงน้อยนิด แต่มนุษย์ก็จะขว้ามันเอาไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

หากจะให้มองกันจริงๆ แล้วนอกจากรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตลาดลงทุนยังไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นใหญ่ๆ จริงๆ ว่าควรมีประเด็นอะไรมาทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้อีก ในวันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศเริ่มปรับลดสภาพคล่องจาก $120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงมาในสัปดาห์ที่แล้ว เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ย้ำชัดว่าการปรับลดวงเงิน QE ครั้งนี้จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีตัวเลขการปรับลดขั้นต่ำต่อเดือนอยู่ที่ $15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้ถ้าเห็นสมควร แต่ที่แน่ๆ คือการปรับลด QE ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม เราไม่ปฏิเสธว่าหนึ่งในความหวังหลักของตลาดลงทุนตอนนี้คือรายงานตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่ถึงแม้ว่าจะเจอแรงกดดันเงินเฟ้อ แต่บริษัทเหล่านี้ก็ยังสามารถแสดงรายงานตัวเลขผลกำไรออกได้ หุ้นของบริษัทบางตัว (โดยเฉพาะกลุ่มเทคฯ) ต้องใช้คำว่ามีมูลค่าเกินความเป็นจริงไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นหุ้นอัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) บริษัทแม่ของกูเกิล ที่ตอนนี้มีค่า P/E อยู่ที่ 26.6 ในขณะที่ดัชนีแนสแด็กมีค่า P/E อยู่ที่ 21.1 แอปเปิล (NASDAQ:AAPL) มีค่า P/E อยู่ที่ 26.2 เทียบกับหุ้นกลุ่มเทคฯ เพื่อการสื่อสารทั้งหมด ที่มี P/E อยู่ที่ 26.4 สิ่งที่นักลงทุนแอบกังวลอยู่มีเพียงนิดเดียวคือการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อาจทำให้เฟดตัดสินใจทำอะไรที่อยู่เหนือการคาดการณ์

สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับเราก็คือ นักลงทุนในยุคปัจจุบันไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่า “มีมูลค่ามากเกินไป” เท่าไหร่ พวกเขากลับมองว่าขาขึ้นของกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ” (FAAMG) อย่างแอปเปิล ไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) แอมาซอน (NASDAQ:AMZN) กูเกิล กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ในยุคที่เทคโนโลยีคือทุกสิ่ง อันที่จริง บรรดาหุ้นชื่อดังเหล่าถือเป็นกระดูกสันหลังของดัชนีหลักของสหรัฐอเมริกาด้วย มูลค่าตามราคาตลาดของกลุ่ม FAAMG ในปัจจุบันคิดเป็นเกือบ 15% ของดัชนีเอสแอนด์พี 500

ก่อนปิดตลาดลงทุนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นได้เพียง 0.52% ทำผลงานได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ อย่างเช่นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ปรับตัวขึ้นมา 0.64% เมื่อเทียบผลงานขาขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ กลุ่มเทคฯ ทำได้เพียง 3.44% ในขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือยทำได้ 0.64% หรือจะเป็นสัญญาณว่านักลงทุนกำลังเริ่มกระจายความเสี่ยงจากกลุ่มเทคฯ ไปอยู่ในหุ้นกลุ่มอื่น? เพราะเมื่อเทียบกราฟรายเดือน ก็พบว่ากลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้นได้ 17.31% ในขณะที่เทคฯ ทำได้ 11.26% และถ้าซูมออกมาดูไกลกว่านั้น จะพบว่าหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้นได้ 15.92% ตลอดระยะเวลาสามเดือน ในขณะที่กลุ่มเทคฯ สามารถทำได้เพียง 7.8% เท่านั้น

ถึงขาขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ จะดูแล้วชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ตามดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น เอสแอนด์พี 500  ดาวโจนส์และแนสแด็ก 100 ก็สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นสถิติของตัวเองได้ เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นเจ็ดวันติดต่อกัน ดัชนีดาวโจนส์สร้างขาขึ้นที่ลากยาวที่สุดในรอบ 24 เดือน แนสแด็ก 100 สร้างขาขึ้นติดต่อกันได้นานที่สุดในรอบสองปี แม้กระทั่งดัชนีบริษัทเอกชนขนาดเล็กอย่างรัสเซล 2000 ยังสามารถสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ และทำขาขึ้นห้าวันติดต่อกันได้

สาเหตุที่ทำให้รัสเซล 2000 ปรับตัวขึ้นได้ นักวิเคราะห์มองว่าเป็นอานิสงส์มาจากข่าวดีที่บริษัทไฟเซอร์ (NYSE:PFE) สามารถผลิตยาเม็ดต้านไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว ข่าวดีนี้สนับสนุนให้หุ้มกลุ่มวัฐจักรปรับตัวขึ้น ซึ่งดัชนีรัสเซล 2000 มีหุ้นกลุ่มนี้สังกัดอยู่เยอะ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ก็ได้รับอานิสงส์ปรับตัวขึ้นตามไปด้วย

แน่นอนว่าเราต้องไม่ลืมพูดถึงปัจจัยสนับสนุนอีกประการที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ นั่นคือรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนตุลาคม ครั้งนี้ตัวเลขนอนฟาร์มสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ ด้วยตัวเลขการจ้างงาน 531,000 ตำแหน่ง มากกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ที่ 450,000 ตำแหน่ง ในขณะเดียวกัน ตัวเลขการว่างงานก็ลดลงมาเป็น 4.6% และตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

ขาขึ้นในตลาดหุ้น สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจอเมริกา แต่จุดที่น่าสนใจคือ คนกลับจะหันมาถือพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น และกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง อย่างเช่นในรุ่นอายุ อายุ 10 ปีที่ปรับตัวลดลงมาวิ่งต่ำกว่า 1.5 จุด คำถามคือถ้าคนมีความเชื่อมั่นกับผลประกอบการของบริษัท เอกชน แล้วจะมาถือพันธบัตรรัฐบาลให้อัตราผลตอบแทนฯ ปรับตัวลดลงทำไม?

UST 10Y Daily

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีโอกาสที่กราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีจะปรับตัวลดลงต่อมาก เพราะการปิดแท่งเมื่อวันศุกร์ คือสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบหัวไหล่ของขาลงได้ถูกสร้างสำเร็จแล้ว

ถึงดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่า แต่กราฟโดยรวมถือว่ายังไม่เสียทรงขาขึ้น Dollar Daily

การที่แท่งเทียนเมื่อวันศุกร์สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ แต่ไม่สามารถปิดเหนือจุดสูงสุดก่อนหน้าได้ สะท้อนให้เห็นความไม่ชัดเจนและความกังวลในตลาดลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมก็ยังคงเป็น double-bottom

การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐทำให้ทองคำสามารถกลับขึ้นมายืนเหนือ $1,800 ได้อีกครั้งGold Weekly

ขาขึ้นครั้งนี้ทำให้ราคาทองคำวิ่งกลับขึ้นมาทดสอบเส้น neckline ของรูปแบบหัวไหล่ขาขึ้นในกราฟรายสัปดาห์ได้ ส่วนกราฟของราชาสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ที่ว่ากันว่าจะมาแทนที่ทองคำนั้นยังคงวิ่งอยู่ในกรอบไซด์เวย์ระหว่าง $60,000 - $63,700 ถึงแม้ว่าสกุลเงินทางอื่นจะสร้างขาขึ้นกันอย่างสนุกสนานOil Daily

สุดท้าย ราคาน้ำมันดิบกลับมาตั้งเทรนด์ขาขึ้นอีกครั้ง จากรูป เราจะเห็นว่าขาขึ้นนี้สามารถทำจุดปิดเหนือเส้น neckline ได้อีกครั้ง หรือนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสภาวะราคาพลังงานแพงในช่วงฤดูหนาวที่ทุกคนเป็นกังวลกัน?

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EST)

วันอังคาร

06:00 (เยอรมัน) รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก ZEW: คาดว่าจะลดลงจาก 22.3 จุดเป็น 20.0 จุด

09:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีราคาผู้ผลิต: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 0.5% เป็น 0.6%

 

วันพุธ

09:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 0.2% เป็น 0.4%

09:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก 269K เป็น 265K

11:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: ตัวเลขเมื่อสัปดาห์ที่แล้วออกมาอยู่ที่ 3.291M

20:30 (ออสเตรเลีย) รายงานตัวเลขการจ้างงาน: ตาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -138.0K เป็น 50.0K 

22:00 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะคงที่อยู่ ณ 3.1%

 

วันพฤหัสบดี

03:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลข GDP: QoQ จะลดลงจาก 5.5% เป็น 1.5% ส่วน YoY จะลดลงจาก 23.6% เป็น 6.8%

06:00 (ยูโรโซน) รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจจาก ECB

 

วันศุกร์

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่จาก JOLT: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 10.439M เป็น 10.925M

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย