ขาขึ้นในช่วงฤดูร้อนของหุ้นบริษัทกาแฟนางเงือกชื่อดังสตาร์บัคส์ (NASDAQ:SBUX) ดูเหมือนว่าจะลดความร้อนแรงลงมาพอสมควร หลังจากสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ $126.32 ในเดือนกรกฎาคม หุ้นของสตาร์บัคส์ก็ปรับตัวลดลงมามากกว่า 13%
การชะลอตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทสตาร์บัคส์ประกาศตัวเลขยอดขายที่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้ ตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเดือนมีนาคมปี 2020 ที่กดดันตลาดลงทุนทั่วโลก บริษัทสตาร์บัคส์ก็ต้องทนอยู่กับผลกำไรที่เป็นลบเนื่องจากร้านกาแฟสาขาต่างๆ ทั่วโลกต้องหยุดให้บริการชั่วคราว ก่อนที่จะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้มากกว่าสองเท่า มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวานนี้ที่ $112.21
เบื้องหลังการคืนชีพของยอดขายครั้งนี้เกิดขึ้นจากการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพของรัฐบาลในพื้นที่อเมริกาเหนือ อ้างอิงจากการรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 การกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพในประเทศที่พัฒนาแล้วมีส่วนทำให้ยอดขายจากราคากาแฟสาขาต่างๆ ทะยานขึ้น 73% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ข้อมูลตัวเลขเปรียบเทียบยอดขายในแต่ละสาขาของสตาร์บัคส์ก็เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับสองปีที่แล้ว กำไรหลักๆ นั้นมาจากการขายเครื่องดื่มเย็น
ถึงแม้ว่ายอดขายของสตาร์บัคส์จะฟื้นกลับมา นักลงทุนก็ยังคงอยู่ในโหมด “ขอรอดูไปก่อน” เพราะแม้แต่หุ้นของบริษัทเองก็ยังปรับตัวลดลง สิ่งที่นักลงทุนเป็นกังวลในตอนนี้มีสองปัจจัยคือยอดขายของสตาร์บัคส์ในประเทศจีนและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ในไตรมาสที่ 3 ยอดขายในแต่ละสาชาที่ประเทศจีนไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการของสตาร์บัคส์ในจีนก็มีการปรับตัวลดลง
บริษัทสตาร์บัคส์เป็นกังวลว่าสถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของบริษัท พวกเขาเปรียบเทียบจากยอดขายในประเทศจีน ในไตรมาสนี้เติบโตขึ้นจาก 18% เป็น 20% แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกลับพบว่าเคยเติบโตขึ้นจาก 27% เป็น 32% และด้วยวิธีการเดียวกันนี้เอง สตาร์บัคส์ได้เอามาวัดกับยอดขายจากทุกพื้นที่ทั่วโลก และก็ต้องยอมรับความจริงด้วยการปรับลดภาพรวมการเติบโตของตลาดลง
ยอดขายในประเทศจีนและสภาวะเงินเฟ้อ
ประเทศจีนถือว่ามีบทบาทสำคัญกับการเติบโตของบริษัทสตาร์บัคส์ เฉพาะในประเทศจีนสตาร์บัคส์มีสาขารวมแล้วมากกว่า 5,000 สาขา และมี 600 สาขาที่เปิดเพิ่มและกำลังเปิดเรื่อยๆ ในปีนี้ การดำเนินการดังกล่าวเกิดควบคู่ไปกับการเพิ่มสาขาในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นปัจจัยเชิงลบใดก็ตามที่อาจส่งผลกระทบกับยอดขายที่ร้านเปิดใหม่จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนเป็นกังวล
เอ็ดเวิร์ด เลวิส นักวิเคราะห์จาก Atlantic Equities ประกาศดาวน์เกรดหุ้นสตาร์บัคส์ลง ปรับระดับการให้คะแนนของหุ้นลงจาก “ปานกลาง” เป็น “ต่ำกว่ามาตรฐาน” ราคาเป้าหมายหุ้นก็ถูกลดลงมาเป็น $105 เหตุผลหลักที่ตัดสินใจเช่นนั้นเป็นเพราะมาตรการคุมเข้มโควิดในประเทศจีน และการปรับเพิ่มค่าจ้างของแรงงานในสภาพที่เศรษฐกิจยังไม่พร้อม
“เรายังคงกังวลว่าแนวโน้มธุรกิจของสตาร์บัคส์อาจชะลอตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ ยอดขายเปรียบเทียบระหว่างสาขาในประเทศจีนปรับตัวลดลง เงินเฟ้อของต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นที่ ส่งผลต่อการเติบโตของสหรัฐฯ ทั้งสองสิ่งนี้คือสิ่งที่เราเป็นกังวลมากที่สุด”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนมีส่วนผลักดันให้อัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้น สตาร์บัคส์เคยคาดการณ์เอาไว้ในช่วงต้นปี 2021 ว่าอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงจะเพิ่มขึ้นเป็น $15 ต่อชั่วโมงภายในช่วงระยะเวลาสามปี
ถึงแม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดัน ส่วนตัวแล้วเรายังคิดว่าหุ้นสตาร์บัคส์ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระยะยาว โครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของตาร์บัคส์ มีส่วนสำคัญที่ช่วยเร่งอัตราการเติบโตให้กลับมาได้ทันทีที่ประเทศพัฒนาแล้วสามารถกลับมาได้ และเมื่อทั่งโลกฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้แล้วจริงๆ ยอดขายของสตาร์บัคส์ก็มีโอกาสที่จะกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิม
ที่สำคัญการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้สตาร์บัคส์ต้องกลับมาคิดเรื่องการเพิ่มสาขาร้านกาแฟในรูปแบบใหม่ แทนที่จะลงทุนกับการจ่ายค่าเช่าที่ สร้างร้านกาแฟที่มีลักษณะเฉพาะขึ้นมา ในบางพื้นที่สตาร์บัคส์จะเปลี่ยนขนาดร้านกาแฟให้มีขนาดเล็กลง จนอาจจะกลายเป็นจุดที่มาซื้อกาแฟแล้วก็ไป ในสหรัฐฯ มีร้านกาแฟประมาณ 800 สาขาที่ทำยอดขายได้ต่ำกว่ามาตรฐานถูกสั่งยุบไปแล้ว แต่ถูกทดลองเปลี่ยนกลายเป็นร้านที่เน้นการมาซื้อแล้วก็ไป
สำหรับนักลงทุนที่กำลังตามหาหุ้นที่มีอัตราการเติบโตในแง่ของการปันผล หุ้นสตาร์บัคส์ถือเป็นตัวเลือกที่ควรพิจารณาเป็นอย่างมาก ปัจจุบันหุ้นสตาร์บัคส์มีอัตราการปันผลรายปีอยู่ที่ 1.8% มีอัตราการคืนทุนรายไตรมาสอยู่ที่ $0.49 ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา การปันผลของหุ้นสตาร์บัคส์เติบโตขึ้นปีละ 21%
โดยสรุปแล้ว
หุ้นสตาร์บัคส์ในระยะสั้นอาจจะยังไม่มีแรงจูงใจให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เมื่อพิจารณาเป้าหมายในระยะยาว ที่สตาร์บัคส์มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 20,000 สาขา ในทศวรรษหน้าสตาร์บัคส์ตั้งตัวเลขจำนวนสาขาเอาไว้ทั้งหมด 55,000 สาขา ทำให้หุ้นตัวนี้เหมาะกับการเป็นหุ้นที่ซื้อและถือเอาไว้ในระยะยาว ในวันที่เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เต็มที่ การเติบโตของหุ้นสตาร์บัคส์ก็จะตามมาเอง