หลังจากเริ่มต้นปี 2021 ด้วยความเฉื่อยชา ในที่สุดช่วงไตรมาสที่สองหุ้นแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ก็สามารถปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 18% มากกว่าขาขึ้นของดัชนีหลักอย่างแนสแด็กสองเท่า ขาขึ้นครั้งนี้สร้างคำถามให้กับนักลงทุนว่านี่คือเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อหุ้นแอปเปิลแล้วหรือไม่?
สาเหตุที่นักลงทุนตั้งคำถามเช่นนี้กับบริษัทที่ได้ชื่อว่ามูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แม้บริษัทแอปเปิลจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงจากความไม่สมดุลระหว่างระดับอุปสงค์และอุปทาน การขาดแคลนชิปประมวลผลจำนวนมาก ที่สวนทางกับความต้องการเทคโนโลยีเพื่อติดต่อสื่อสารมากขึ้น ทำให้ปีที่แล้วแอปเปิลต้องเลื่อนงานเปิดตัวมือถือ iPhone มาแล้ว และตอนนี้ความต้องการนั้นที่มีกับผลิตภัณฑ์อย่างนาฬิกา หรือ iPad ก็ไม่ได้ลดลงเลย
ที่สำคัญหลังมหกรรมการฉีดวัคซีนต้านโควิดมหาศาลในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ผ่านพ้นไป เศรษฐกิจโลกก็เริ่มฟื้นตัว หลายๆ พื้นที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว กระแสการทำงานอยู่บ้านก็เริ่มลดลง บางบริษัทก็ยังคงนโยบายให้พนักงานกลับไปทำที่ออฟฟิศตามเดิม ล่าสุดก่อนงานเปิดตัวมือถือใหม่ “iPhone 13” เมื่อคืนนี้ ได้มีข่าวออกมาและสร้างผลกระทบเชิงลบให้กับหุ้นแอปเปิล ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐสั่งให้บริษัทเปลี่ยนวิธีการทำงานของ App Store ที่จะทำให้นักพัฒนา App ต่างๆสามารถนำผู้ใช้งานไปซื้อของหรือจ่ายเงินกับทางเจ้าของแอปได้ตรง ไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่าง App Store
แม้ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง แต่นักวิเคราะห์ฝ่ายสนับสนุนแอปเปิลก็ได้ออกมาบอกว่าอย่าประมาทความสามารถของการทำกำไรของบริษัทแอปเปิลเป็นอันขาด เแม้แต่ในไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นไตรมาสที่แอปเปิลทำกำไรได้น้อยที่สุด พวกเขาก็ยังสามารถสร้างกำไรที่เติบโตขึ้นได้ประมาณ 50% จากการขาย iPhone 12
เมื่อเปิดตัว iPhone 13 ไปแล้ว อนาคตของหุ้นแอปเปิลจะเป็นเช่นไร?
นักวิเคราะห์จากธนาคารชื่อดังเจพี มอร์แกนเผยว่าภาพรวมการเติบโตของบริษัทแอปเปิลยังแข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันเจพี มอร์แกนได้ปรับอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิลขึ้น พร้อมทั้งปรับระดับราคาเป้าหมายของหุ้นขึ้นเป็น $180
“เราได้ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการยอดขายของ iPhone ในปีบัญชี CY22 ขึ้นอีก 246 ล้านหน่วย นอกจากนี้นักวิเคราะห์ของเราส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกันว่าแนวโน้มยอดขายของ iPhone รุ่นใหม่นี้ยังอยู่ในขาขึ้น อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่ความต้องการ iPhone 13 จะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากปี 2020 เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลเปิดตัวมือถือที่สามารถใช้ 5G ได้ ถึงกระนั้นการมี 5G ใน iPhone ก็จะช่วยทำยอดขายให้กับแอปเปิลต่อไป” - เจพี มอร์แกนกล่าว
มีความเป็นไปได้ที่ยอดขาย iPhone 13 อาจจะเป็นไปตามที่เจพี มอร์แกนคาดการณ์ งานเปิดตัว iPhone 13 เมื่อคืนนี้เป็นไปตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ภายนอกระบุมาแทบจะ 100% โทรศัพท์รุ่นใหม่ iPhone 13 ยังคงมีขนาดเท่าเดิมทุกประการ ลดขนาดรอยบากที่บริเวณด้านบนของโทรศัพท์ลง และย้ายตำแหน่งกล้องหลังของ iPhone 13 เพียงเล็กน้อย
ที่พอจะเรียกเสียงฮือฮาได้คือการเพิ่มจอ 120 Hrz เข้ามาในโทรศัพท์รุ่นแพงอย่าง iPhone 13 Pro และ Pro Max แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดและเรียกได้ว่าขโมยซีนงานเปิดตัว iPhone นี้ไปเลยคือการเปิดตัว iPad Mini 6 ที่มีรูปร่างหน้าเหมือนกับ iPad Air 4 ทุกประการ แต่ย่อขนาดให้เล็กลง
มุมมองเชิงบวกที่มีต่อหุ้นแอปเปิลของเจพี มอร์แกนนั้นตรงกับนักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทหลายสำนัก 80% จากนักวิเคราะห์ 41 คน ยังคงเชื่อว่าหุ้นแอปเปิลจะสามารถสร้างขาขึ้นได้อย่างโดดเด่น ผลสำรวจเฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ Investing.com เชื่อว่าภายในระยะเวลา 12 เดือนนับราคาปิดล่าสุด หุ้นแอปเปิลจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อีก 12%
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวบลูมเบิร์กเห็นต่างเล็กน้อย พวกเขาวิเคราะห์ว่าในระยะสั้นหุ้นของแอปเปิลอาจมีการปรับตัวลดลง จากสถิติการเปิดตัว iPhone ใหม่ทุกปีของแอปเปิลพบว่ามีความเป็นไปได้ถึง 75% ที่ราคาหุ้นแอปเปิลมักจะสร้างขาลงไปก่อน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะงานเปิดตัวมือถือใหม่ของแอปเปิลมักจะเป็นไปตามที่สื่อคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า
โดยสรุปแล้ว
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นว่าหุ้นแอปเปิลยังมีโอกาสเติบโตได้อีกในอนาคต สิ่งที่จะทำให้แอปเปิลได้กำไรอยู่สม่ำเสมอคือยอดขายโทรศัพท์มือถือ iPhone ที่มี 5G เป็นส่วนประกอบหลัก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัว iPhone ก็จะยิ่งช่วยสนับสนุนระบบนิเวศน์ของ iPhone และทำให้ผู้ใช้งานยากที่จะเปลี่ยนใจย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น