และแล้วสัปดาห์ที่สำคัญที่สุดในเดือนสิงหาคมก็มาถึง และเชื่อว่าตลาดลงทุนจะมีความผันผวนมากกว่าหลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมากที่สุดคือท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ และเหล่าผู้มีสิทธิ์วางนโยบายทางการเงิน
ท่าทีของบรรดาผู้วางนโยบายทางการเงินในช่วงต้นปีและในช่วงนี้ถือว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร นับตั้งแต่การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ครั้งล่าสุด จะเห็นได้ว่าประธานธนาคารกลางหลายสาขาเริ่มแสดงท่าทีที่เปลี่ยนไป หลายคนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรจากรัฐบาลที่มีมูลค่า $120,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนลงเพราะเศรษฐกิจของอเมริกาในตอนนี้เริ่มที่จะกลับมาทรงตัวได้แล้ว
แม้จะมีการคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดลงเงินในการประชุม FOMC ในเดือนถัดไป แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดเซอร์ไพรส์ขึ้นในการประชุมของเดือนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมในรอบเดือนสิงหาคมถือเป็นการประชุมรอบใหญ่ที่สุด และในรอบหนึ่งปีจะมีเพียงการประชุมนี้เพียงครั้งเดียว นั่นก็คือการประชุมที่แจ็คสัน โฮล ไวโอมิ่ง การประชุมใหญ่ปีนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 26-28 สิงหาคม ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ
นอกจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในอเมริกายังไม่จบ ถึงจะเป็นช่วงปลายของการรายงานผลประกอบการแล้ว แต่ยังมีบริษัทไหนบ้างที่น่าสนใจ ในบทความนี้เราจะพาไปดู
1. Salesforce.com
แพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์อันดับ 1 ของโลก ผู้เป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน CRM ที่ทำงานบนระบบคลาวด์สำหรับการขาย บริการ การทำตลาด ฯลฯ นามเซลล์ฟอร์ซ (NYSE:CRM) จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่สองในวันพุธที่ 25 สิงหาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลต่อหุ้น (EPS) จะมีตัวเลขออกมาอยู่ที่ $0.92 ในขณะที่ตัวเลขรายได้จะมีตัวเลขอยู่ที่ $6,240 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในเดือนพฤษภาคม บริษัทเซลล์ฟอร์ซได้ประกาศคาดการณ์กำไรในปีนี้ว่าจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมิน เซลล์ฟอร์ซเชื่อว่าการระบาดที่ยังไม่จบจะยังทำให้บริษัทและองค์กรต่างๆ ยังมีความต้องบริการของเซลล์ฟอร์ซอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น การระบาดของโควิดได้ทำให้หลายๆ องค์กรเห็นว่าสามารถปรับโครงสร้างการทำงานไปเป็นการทำงานอยู่ที่บ้านได้ พวกเขาอาจจะยอมลงทุนอัปเกรดรูปแบบการทำงานให้กับเซลล์ฟอร์ซ และหันไปลดต้นทุนกับค่าเช่าสถานที่หรืออาคารแทน
อันที่จริงต้องยอมรับว่าแนวทางการดำเนินบริษัทของเซลล์ฟอร์ซที่ต้องการตอบสนองต่อการเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตมากขึ้นถือเป็นการจัดสินใจที่ถูกต้อง ในปี 2019 เซลล์ฟอร์ซได้ควบรวมกิจการกับบริษัท Tableau และ MuleSoft ที่สำคัญ บริษัทเคยมีดีลใหญ่ที่เคยเป็นข่าวก็คือการซื้อธุรกิจสื่อสารสำหรับบุคลากรในองค์กรโดยเฉพาะอย่าง Slack ในมูลค่า $27,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเซลล์ฟอร์ซหวังว่า Slack จะสามารถทำกำไรให้กับพวกเขาได้มากกว่า 25% ต่อปี
ในไตรมาสล่าสุด หุ้นเซลล์ฟอร์ซปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 16% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $256.13 และถือว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้มากกว่าดัชนีแนสแด็ก
2. Best Buy
บริษัทเจ้าของร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่มีอยู่ทั่วไปในสหรัฐอเมริกานามเบสท์บาย (NYSE:BBY) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองในวันอังคารที่ 24 สิงหาคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเบสท์บายจะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.89 และมีตัวเลขรายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ $11,490 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในไตรมาสที่แล้วหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลง 2% มีราคาซื้อชายล่าสุดอยู่ที่ $112.63 ได้รับแรงกดดันเพราะความกังวลว่าผู้บริโภคจะมีกำลังทรัพย์มากพอในการซื้อสินค้าได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ นาย Matt Bilunas ซีอีโอของเบสท์บายเคยบอกกับนักลงทุนในปีที่นี้ว่า
“แม้ว่ายอดซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ แต่เพราะการะบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ประเมินได้ยากว่าเทรนด์ความต้องการนี้จะอยู่กับบริษัทไปได้อีกนานเพียงใด”
3. Dell Technologies
บริษัทผู้ผลิตฮาร์ตแวร์คอมพิวเตอร์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกาเดลล์ (NYSE:DELL) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ในวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เดลล์จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.03 และจะมีตัวเลขรายได้อยู่ที่ $25,540 ล้านเหรียญสหรัฐ
หากมองในเชิงยอดขาย บริษัทเดลล์ถือว่ามีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์ของผู้บริโภคในช่วงโควิดเพิ่มขึ้น แต่เพราะยังไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าวิกฤตนี้จะจบลงเมื่อไหร่ ผลกระทบนั้นทำให้บริษัทต้องเผชิญกับปัญหาซัพพลายเชน ไม่ต่างกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ
เพื่อแก้ปัญหาคอขวด และเพิ่มกำไรให้กับบริษัท นายไมเคิล เดลล์ CEO ของบริษัทจึงได้มีความคิดที่จะสร้างบริการซอฟต์แวร์ซับสคริปชันขึ้นมาเพิ่มยอดขายอีกหนึ่งช่องทาง อย่างไรก็ตาม ยอดขายหลักของบริษัทในตอนนี้ยังคงมาจากการขายคอมพิวเตอร์พีซี ในปีนี้หุ้นของเดลล์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 36% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $98.50