วันนี้ราคาหุ้น บีอีซี เวิลด์ จำกัด (BK:BEC)ลงแรง 2.10 บาท หรือ -16% น่าจะมาจาก 2 เรื่อง ด้วยกัน คือ
1️. กำไรสุทธิ 185 ล้านบาท เป็นกำไร 4 ไตรมาสติด และคาดว่าน่าจะเป็นปีแรกที่กลับมากำไรหลังจากขาดทุนมา 3 ปี แต่นักวิเคราะห์คาดกันว่า กำไรน่าจะออกมาดีกว่านี้ ซัก 200 กว่าล้านบาท พองบผิดคาด ทั้งๆ ที่กำไรดี ราคาเลยลง
2️. โบรกเกอร์บางเจ้าบอกว่า Q3 ที่ยังมี COVID กันแบบนี้ มีโอกาสที่บริษัท FMCG จะชะลอการออกสินค้าใหม่ และมีการลดงบโฆษณาลง ก่อนที่จะค่อยกลับมาใช้จ่ายตอน Q4 เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น
ประเด็นแรกผมเล่าให้ฟังคร่าวๆ แบบนี้
BEC มีการปรับโครงสร้างด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายไปเมื่อปีที่แล้ง ทั้งลดคนจำนวนมาก ทั้งขาย BEC Tero ออกไป ซึ่งส่งผลให้กำไรเริ่มดีขึ้น ติดแค่ตัวรายได้ว่าจะเพิ่มอย่างไร
จนกระทั้งวันที่ 1 พฤษภาคม ปีนี้ ได้มีการปรับผังรายการข่าวใหม่ ได้คุณสรยุทธ์กลับมา เรตติ้งดีขึ้นมาก คนดูมากขึ้น เพิ่มเวลารายการอีก 25 นาที โฆษณาเข้ามากขึ้น แปลว่า 2 เดือนของ Q2 รายได้ดีขึ้น และน่าจะดีต่อเนื่องใน Q3 กับ Q4
นอกจากนี้ละครต่างๆ เรตติ้งดี และเป็นละครใหม่หลายเรื่อง เพราะช่อง 3 ถ่ายจบแล้ว ต่างจากบางช่องที่ถ่ายไปออกอากาศไป ทำให้ต้องเอาละคร Re-Run มาออกอากาศ และยังขายลิขสิทธิ์ออกอากาศคู่ขนานไปต่างประเทศด้วย
รายได้ Q2 ทำได้ประมาณ 1500 ล้านบาท ถือว่าดีขึ้น แต่ยังไม่เท่ากับระดับเดิมที่เคยทำได้มากกว่า 2000 ล้านบาท แต่เชื่อว่า Q3 จะรับรู้ผลของรายการข่าวเต็มไตรมาส และมีเอาละครไปลงที่ Netflix (NASDAQ:NFLX) ด้วย
ประเด็นที่สอง เรื่องลดงบโฆษณา ผมเล่าให้ฟังแบบนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยทำงาน FMCG มาก่อน
ช่วง COVID เป็นไปได้ที่สินค้ามีโอกาสออกได้ช้า หนังโฆษณาถ่ายได้ลำบาก อาจมีผลของการดีเลย์ไปบ้าง
งบโฆษณาและการตลาดอาจมีการตัดได้เพื่อรักษากำไรของบริษัท แต่สิ่งที่จะตัดก่อนจะเป็นแบบนี้
-
โปรโมชั่นที่ไม่เวิร์ค เช่น แถมพรีเมียม หรือ trade promotion ต่างๆ อาจลดลง
-
สื่อนอกบ้าน โรงหนัง วิทยุ หนังสือพิมพ์ โดนตัดแน่นอน เพราะ WFH
-
สื่อ TV ที่เป็น cable, satellite ก็ตัด
-
สื่อ TV หลักที่เรตติ้งดี ถ้าเรียงกันมาอย่าง ช่อง 3, 7, MONO จะไม่ตัดแน่ๆ ช่องอย่าง WORK จะเลือกลงรายการโชว์ที่เรตติ้งดี ช่อง AMARIN, THAIRATH จะลงรายการข่าว
-
ถ้าสื่อ TV จะตัด คือ ตัดงบแบรนด์เล็กๆ ในบริษัท อาจจะโยกมา support แบรนด์ใหญ่แทน เพื่อให้ได้ reach และ frequency ตาม KPI
ถ้าเราดูข้อมูลจาก Nielsen (รายงานโดย TV Digital Watch) เดือน July มีการใช้สื่อโฆษณา 8576 ล้านบาท -4% YoY แต่ถ้าดูสื่อ TV จะไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าดูข้อมูล 7 เดือนแรก TV +8% แต่สื่อที่ใช้ลดลงแน่นอนคือ สื่อนอกบ้าน โรงหนัง วิทยุ print
ถ้าไปดูว่าใครใช้สื่อโฆษณาเยอะ เราจะพบว่า Unilever, Nestle, P&G คือ 3 อันดับแรก นั่นคือ สินค้าอย่าง บรีส ซันซิลค์ รีจอยซ์ และเนสกาแฟ ซึ่งเป็นสินค้าแมส และลงทีวีช่องที่เป็นกลุ่มแมสแน่ๆ
ถ้าเราไปดูหุ้น WORK, MCOT, AMARIN ก็จะบอกคล้ายๆ กันว่า รายได้เกี่ยวกับ TV ดีขึ้น รายได้ event, concert ลดลง และคุมต้นทุนดี กำไรเลยดี
กลับมาที่ BEC รายได้ Q3 ถ้าให้เดาไม่น่าจะลด หรือลดก็คงไม่มาก เพราะเวลานี้ก็ confirm media plan เดือนกันยายนแล้ว ต้นทุน และค่าใช้จ่าย ถ้าไม่มีรายการพิเศษอะไรก็คงไม่เพิ่ม แล้วคงค่อยกลับไปดีขึ้นใน Q4
แต่ในแง่ของการประเมินมูลค่า หุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างให้ P/E สูง 30-40 เท่า ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยครับเผื่อตลาดอาจจะปรับ P/E ลงมาได้
BEC ถูกหรือแพง turn around มั้ย ต้องฝากเพื่อนๆ พิจารณากันดูครับ
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น