🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

ตลาดลงทุนล้วนจับตารายงานการประชุมเฟดจะช่วยดันราคาในตลาดหุ้นได้หรือไม่

เผยแพร่ 17/05/2564 11:51
NDX
-
XAU/USD
-
US500
-
DJI
-
US2000
-
DIS
-
DX
-
GC
-
CL
-
IXIC
-
US10YT=X
-
XLE
-
VIX
-
XLK
-
BTC/USD
-
BTC/USD
-

หากคุณถามเราว่าสัปดาห์นี้ธีมการลงทุนจะเป็นเช่นไร? ส่วนตัวแล้วเรามองว่ามีสองประเด็นที่จะทำให้ตลาดยังคงผันผวนต่อไป หนึ่งคือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคที่ไม่เท่ากันและการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ ข่าวดีเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะทำให้หุ้นสายเน้นมูลค่ามีราคาเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้รับผล กระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่จนกว่าจะมีปัจจัยชี้นำตลาดใหม่เข้ามาสนับสนุน เราคาดว่าความผันผวนนี้จะคงอยู่กับตลาดลงทุนไปอีกสักระยะ

หลังจากที่ตัวเลขยอดค้าปลีกไม่ร้อนแรงเหมือนดังที่หลายฝ่ายคาดการณ์ สิ่งที่นักลงทุนในตลาดจะจับตาดูตลอดสัปดาห์นี้คือความสามารถในการรักษาแนวโน้มขาขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโตบางตัวท่ามกลางกระแสภาวะเงินเฟ้อที่กลายเป็นธีมการลงทุนของสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้จะมีการรายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด ซึ่งจะออกมาในวันพุธที่ 19 พฤษภาคม รายงานฉบับนี้อาจจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ในตอนนี้มีมุมมองต่อภาวะเงินเฟ้อเช่นไรและมีแผนจะดำเนินการต่อไปในอนาคตอย่างไร

ดัชนีวัดความผันผวนของตลาด (VIX) หรือที่หลายๆ คนให้ชื่อเล่นว่า ‘ดัชนีวัดความกลัว’ ปรับตัวลดลงหลังจากที่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ตอนนี้กราฟดัชนีวัดความผันผวนกำลังวิ่งลงอยู่ในกรอบราคาขาลงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยVIX Daily TTM

กราฟผลตอบแทนพันธบัตรฯ และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาสามารถพลิกกลับขึ้นมาปิดตลาดเป็นบวกได้ในสองวันสุดท้ายก่อนปิดทำการ หลังจากที่ตลอดทั้งสัปดาห์เคยปรับตัวลดลงไปมากที่สุดเกิน 600 จุด สาเหตุที่ตลาดยังสามารถพลิกกลับขึ้นมาปิดบวกได้เป็นเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีการปรับตัวลดลง ซึ่งหมายถึงความกังวลที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อก็ได้ปรับตัวลดลงตามไปด้วย 

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดสัปดาห์ที่แล้วด้วยการบวก 1.49% หุ้นที่พาเอสแอนด์พี 500 กลับขึ้นมาได้มากที่สุดคือหุ้นกลุ่มพลังงาน 3.1% ตามมาด้วยกลุ่มเทคโนโลยี 2.2% นอกจากเอสแอนด์พี 500 แล้ว ดัชนีรัสเซล 2000 ก็สามารถปิดบวกได้ 2.4% และแนสแด็ก 100 อีก 2.2% ส่วนอีกสองดัชนีไม่โชคดีอย่างนั้น ดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 1.1% ตลอดทั้งสัปดาห์และแนสแด็กคือผู้ที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดคิดเป็น 2.3%NDX Weekly TTM

อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าโชคดีที่แนสแด็กยังสามารถพาตัวเองกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้นเทรนด์ไลน์ที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของปี 2020 ได้ จุดที่น่าสังเกตของแนสแด็กในสัปดาห์นี้คือราคาจะปรับตัวลดลงตาม ‘ไดเวอร์เจนต์’ (Divergence) หรือไม่ เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นแต่เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นในอินดิเคเตอร์ MACD จะตัดลงมาและอินดิเคเตอร์ RSI จะทรงตัวได้เหนือจุดต่ำสุดของเดือนตุลาคมได้เล็กน้อย 

การที่ตลาดลงทุนสหรัฐฯ ยังสามารถกลับขึ้นมาปิดบวกได้ แสดงให้เห็นภาพรวมของนักลงทุนว่ายังมีความเชื่อมั่นกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอยู่ ถึงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (สัญญาณเงินเฟ้อ) ที่ประกาศออกมาในช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้วจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เมื่อประธานธนาคารกลางแห่งคลีฟแลนด์ นางลอเรตต้า เมสเตอร์ ออกมาพูดเมื่อวันศุกร์ ตลาดลงทุนก็กลับมาเชื่อมั่นในคำพูดของเหล่าผู้ออกนโยบายทันที 

“จริงอยู่ว่าอาจจะมีความผันผวนในตลาดอยู่มาก และข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในบางภาคส่วนอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไม่สอดคล้องกัน แต่นโยบายของธนาคารกลางตอนนี้ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนตัวแล้วดิฉันไม่ได้สนใจข้อมูลตัวเลขเหล่านี้มากนัก” - ลอเรตต้า เมสเตอร์  ประธานธนาคารกลางแห่งคลีฟแลนด์กล่าว

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าสนใจในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก่อนปิดสัปดาห์คือการเทขายหุ้นดิสนีย์ (NYSE:DIS) บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา การเทขายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทที่แสดงให้เห็นว่ายอดผู้สมัครสมาชิกบริการดิสนีย์พลัส (Disney+) ลดลง

DIS Weekly TTM

การเทขายครั้งนี้ทำให้ราคาหุ้นของดิสนีย์หลุดแนวรับล่าสุดที่ 181.72 ลงมา นี่คือขาลงที่แรงที่สุดนับตั้งแต่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุด 200 โดยประมาณ เป็นไปได้ว่าราคาหุ้นดิสนีย์อาจต้องการลงไปทดสอบเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของปี 2020

กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกันหลังจากที่ตัวเลขยอดค้าปลีกสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนUST 10Y Daily

กราฟผลตอบแทนฯ ปรับตัวกลับลงมาวิ่งต่ำกว่าเส้น neckline ซึ่งเป็นแนวรับให้กับรูปแบบ double-top ก่อนหน้า หากจะให้กราฟฯ ปรับตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้น neckline นี้ ก็ต้องสร้างจุดต่ำสุดใหม่ให้ได้โดยเร็วที่สุด

การปรับตัวลดลงของกราฟผลตอบแทนฯ อายุ 10 ปีทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆDollar Daily

กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงกลับไปอยู่ต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของวันที่ 6 มกราคมอีกครั้ง หากกราฟดัชนีดอลลาร์สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ เราจะเปลี่ยนมุมมองที่คิดว่ากราฟกำลังปรับตัวขึ้นในระยะกลางเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงระยะสั้น 

แน่นอนว่าเมื่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ก็ถึงเวลาที่คู่ปรับคนสำคัญอย่างทองคำต้องเฉิดฉายGold Daily

นับตั้งแต่ราคาทองคำขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดในปี 2020 ราคาก็วิ่งอยู่ในกรอบขาลงมาตลอด ก่อนจะปรับตัวขึ้นได้เมื่อไม่นานมานี้ หากคุณเชื่อว่าขาขึ้นครั้งนี้ของทองคำไม่จีรัง จังหวะนี้คือจุดที่ดีในการวางคำสั่งขายตามแนวโน้มขาลงเดิม

ทั้งๆ ที่ทองคำและบิทคอยน์ต่างก็ถูกวางให้เป็นสินทรัพย์คานความมั่งคั่งของดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า และบิทคอยน์ก็ปรับตัวลดลงตาม แสดงให้เห็นว่านักลงทุนในตอนนี้ไม่ได้มองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพยสำรองปลอดภัย

ก่อนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปิดทำการเนื่องในวันสุดสัปดาห์ ราคาบิทคอยน์ยังพยายามทรงตัวให้ยืนเหนือ $50,000 เพื่อยืนยันว่าข่าวการระงับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ในการซื้อรถเทสลาไม่ได้สร้างผลกระทบกับบิทคอยน์มากเท่าไหร่ แต่ในช่วงวันหยุดนี้เองที่ราคาบิทคอยน์ก็ได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า $50,000 สร้างจุดต่ำสุดเอาไว้ที่ $46,500BTCUSD Daily

จากรูปจะเห็นว่ากราฟ BTC/USD กำลังทดสอบแนวรับอยู่ (เส้นสีแดง) หากราคาสามารถทะลุแนวรับนี้ลงไปได้ การสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) จะสมบูรณ์ และขาลงครั้งนี้อาจพาบิทคอยน์ลงไปยัง $30,000 ได้

การที่ราคาสร้างรูปแบบลิ่มลู่ขึ้น (Rising Wedge) แล้วทะลุลงได้ทั้งสองครั้ง แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสที่รูปแบบหัวไหล่ครั้งนี้จะสำเร็จสูง ก่อนที่จะลงไปถึง $30,000 ให้พิจารณาแนวรับ $40,000 เอาไว้ก่อน เชื่อว่าที่ระดับราคาดังกล่าว มีโอกาสที่จะเจอแรงสวนของคนที่เชื่อว่าตรงนั้นเป็นจุดเข้าที่ดีอยู่เยอะพอสมควร

การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐยังช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวกลับขึ้นมาด้วย Oil Daily

ราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ลงมาเจอแนวรับที่บริเวณด้านล่างของกรอบขาขึ้น อย่างไรก็ตามการทดสอบขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่แท้จริงจะอยู่ที่ WTI สามารถขึ้นยืนเหนือ $67.98 ต่อบาร์เรล (จุดสูงสุดของวันที่ 8 มีนาคม) ได้หรือไม่ ส่วนตัวแล้วเราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะสามารถกลับขึ้นไปชนกรอบด้านบนได้อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้จะเป็นที่บริเวณ $67.98 ต่อบาร์เรลพอดี ก่อนที่จะดีดตัวกลับลงมาอยู่ในกรอบดังเดิม 

ถ้าสุดท้ายแล้วกรอบราคานี้ยังสามารถรักษาทรงของขาขึ้นไปได้ตลอดทั้งสัปดาห์ เชื่อว่าในที่สุด WTI จะสามารถขึ้นยืนเหนือ $67.98 ต่อบาร์เรล สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในที่สุด

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EDT)

วันอาทิตย์

22:00 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะปรับตัวลดลงจาก 14.1% เป็น 9.8%

วันจันทร์

19:50 (ญี่ปุ่น) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าตัวเลขแบบ QoQ จะลดลงจาก 2.8% เป็น -1.2% และตัวเลขแบบ YoY จะลดลงจาก 11.7% เป็น -4.6%

21:30 (ออสเตรเลีย) รายงานผลการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย

 

วันอังคาร

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน: ตัวเลขครั้งก่อนออกมาอยู่ที่ 10.1K

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1.759M เป็น 1.779M

 

วันพุธ

02:00 (สหราชอาณาจักร) ดัชนีราคาผู้บริโภค: คาดว่าจะแบบ YoY เพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 0.7% เป็น 1.4%

05:00 (ยูโรโซน) ดัชนีราคาผู้บริโภค: คาดว่าจะคงที่ 1.6%

08:30 (แคนาดา) ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 0.3% ในเดือนมีนาคมเป็น -0.1%

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: สัปดาห์ก่อนมีตัวเลขอยู่ที่ -0.427M bbls

14:00 (สหรัฐฯ) รายงานผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน

21:30 (ออสเตรเลีย) อัตราการจ้างงาน: คาดว่าจะลดลงจาก 70.7K เป็น 15.0K

21:30 (ประเทศจีน) รายงานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารกลางจีน: คาดว่าจะคงที่ 3.85%

 

วันพฤหัสบดี

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องจาก 473K เป็น 450K

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดเฟีย: คาดว่าจะลดลงจาก 50.2 เป็น 43.0 จุด

 

วันศุกร์

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีก: คาดว่าจะลดลงจาก 5.4% เป็น 4.0% ในเดือนเมษายน

03:30 (เยอรมัน) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะลดลงจาก 66.2 เป็น 65.8 จุด

04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะคงที่ 60.7 จุด

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 4.8% เป็น 2.0%

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 6.01M เป็น 6.09M

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย