สิ่งที่นักลงทุนในตลาดก๊าซธรรมชาติกำลังคุยกันในช่วงนี้เป็นดังนี้
A: รู้หรือไม่...ตอนนี้ทางตอนใต้ของเริ่มสหรัฐฯ ร้อนแล้วนะ
B: จริง แต่ฝั่งตะวันออกตอนนี้ยังเย็นๆ อยู่เลยนะ
การถกเถียงกันระหว่างนักลงทุนทั้งสองกลุ่มเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ทราบว่าสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) กำลังเตรียมที่จะปล่อยรายงานก๊าซธรรมชาติคงคลังรายสัปดาห์ออกมา นักลงทุนเชื่อว่าตัวเลขปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในคลังของสัปดาห์ล่าสุดจะมีปริมาณลดลง
โดยปกติของช่วงเวลานี้ในทุกๆ ปี ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ถูกส่งเข้าไปเก็บในคลังจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 90-100 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (bcf) แต่จากการคาดการณ์ของ investing.com พบว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติที่กำลังจะถูกส่งเข้าไปเก็บในคลังของสัปดาห์ที่แล้วจะมีปริมาณอยู่ที่ 76 bcf เทียบกับตัวเลขสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนที่ 104 bcf ตัวเลขค่าเฉลี่ยปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในช่วงนี้ในรอบห้าปีล่าสุด (2016-2020) มีตัวเลขอยู่ที่ 82 bcf
อากาศทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ตอนนี้มีอุณหภูมิอยู่ที่ 13-18 องศาเซลเซียส ลมที่ผัดผ่านยังคงเป็นลมเย็นๆ และในช่วงกลางคืนก็ยังรู้สึกว่าเป็นเหมือนช่วงปลายฤดูหนาว ในขณะที่ทางตอนใต้ของประเทศนั้นเรียกได้ว่าโบกมือลาคำว่า “หนาว” มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เมื่อความต้องการก๊าซธรรมชาติยังเหลืออยู่เฉพาะในโซนตอนเหนือ ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตออกมาและถูกเก็บเข้าไปไว้ในคลังจึงมีปริมาณที่ลดลงด้วย
ความร้อนทางตอนใต้ยังไม่มากพอที่จะทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลง
ข้อมูลจาก ‘NatGasWeather’ ระบุว่าถ้าอ้างอิงสภาพอากาศแบบนี้เข้ามาเทียบกับความต้องการก๊าซธรรมชาติในช่วงนี้จะพบว่าราคาก๊าซธรรมชาติอาจมีการปรับตัวลดลงตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคมไปจนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม เว็บไซต์ดังกล่าวให้เห็นผลว่าความร้อนในช่วงนี้อาจเป็นเพียงความร้อนชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ได้เข้าสู่หน้าร้อนจริงๆ
“อากาศทางตอนใต้ของสหรัฐฯ จะเริ่มอุ่นถึงอุ่นมาก ถ้าคิดเป็นตัวเลขก็ประมาณ 26-36 องศาเซลเซียส แต่ส่วนตัวแล้วเราไม่คิดว่าอากาศจะขึ้นไปร้อนถึง 36 องศาเซลเซียสได้” - NatGasWeather กล่าว
อย่างไรก็ตามข้อมูลจาก Refinitiv กลับระบุแย้งว่าอากาศในช่วงวันที่ 13-26 พฤษภาคมจะไม่ได้ร้อนขนาดนั้น Refinitiv ใช้หน่วยวัดเป็น “ความต้องการความร้อนของบ้านหรือธุรกิจ” ซึ่งใช้หน่วยวัดเป็น TDD หรือ ‘Total Degree Day’ จากการวัดความต้องการแล้ว Refinitiv พบว่าความต้องการมีระดับอยู่ที่ 64 TDD เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 30 ปีทีมีตัวเลขอยู่ที่ 65 TDD (18 องศาเซลเซียส)
สภาพอากาศเหมือนจะช่วยหนุนราคาก๊าซธรรมชาติให้ปรับตัวขึ้นมากกว่า
รายงานปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังจาก EIA ในช่วงสามจากห้าสัปดาห์ล่าสุดนั้นลดลงเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ หมายความว่าข้อมูลนี้ช่วยหนุนกราฟฝั่งขาขึ้นมากกว่าที่จะเป็นขาลง นอกจากนี้ข้อมูลการซื้อขายสัญญาก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าบนตลาด NYME ที่ Henry Hub เฉพาะในเดือนเมษายนเดือนพบว่าเพิ่มขึ้น 12.7% นี่คือตัวเลขการซื้อสัญญาก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่สูงที่สุดในรอบหกเดือนหรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020
สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนมิถุนายนที่ Henry Hub แม้จะปรับตัวลดลงมาจาก $3 ต่อ mmBtu แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ $2.90 mmBtu และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อยู่ระหว่างเดือนกรกฏาคมปี 2021 ไปจนถึงเดือนมีนาคมปี 2022 ต่างก็ยังสามารถยืนเหนือ $3 ต่อ mmBtu
นักลงทุนฝั่งขาลงอาจจะต้องทนถือสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพงขึ้นไปก่อน บริษัท Gelber & Associates ได้วิเคราะห์บอกกับลูกค้าของพวกเขารวมถึง investing.com ด้วยว่าหลังจากวันที่ 21 พฤษภาคมเป็นต้นไปเชื่อว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะถูกส่งเข้าไปเก็บในคลังจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 100 bcf
ราคา LNG ก็ปรับตัวขึ้นด้วย
ขาขึ้นของตลาดก๊าซธรรมชาติมีส่วนที่ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปรับตัวขึ้นด้วย ข้อมูลจาก naturalgasintel.com ในสัปดาห์นี้ระบุว่าปริมาณความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลวยังวิ่งอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดที่ 11 bcf สาเหตุของขาขึ้นครั้งนี้มาจากความต้องการ LNG ในยุโรปและเอเชียเพื่อรองรับความต้องการ LNG ในช่วงหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง
ในช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา ประเทศในฝั่งยุโรปได้มีการใช้ LNG ไปเป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้พวกเขาต้องการ LNG จากสหรัฐฯ เพื่อเอามากักตุนไว้ในช่วงหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง เพื่อทำให้การใช้งานมีงากเพียงพอสำหรับฤดูหนาวครั้งถัดไป นาง ลินซีย์ ชไนเดอร์ นักวิเคราะห์จาก RBN Energy LCC ได้เขียนวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ตลาด LNG ของสหรัฐฯ เอาไว้ว่า
“การส่งออก LNG ของสหรัฐฯ ในตอนนี้ไม่มีปัญหาใหญ่โตอะไรมากมายมากระทบ เรามีจำนวนคาร์โกเพียงพอ ไม่มีปัญหาทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด ยิ่งปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในยุโรปลดลง ยิ่งทำให้ราคา LNG ปรับตัวสูงขึ้น ฝั่งยุโรปยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะฟื้นก๊าซในคลังให้กลับขึ้นมาได้”
“ในระยะสั้น” เธอกล่าวต่อ “ความต้องการ LNG จากสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นและไม่เหมือนกับช่วงหน้าร้อนของปีที่แล้วแน่นอน ความต้องการก๊าซในปีนี้จะมีระดับอยู่ที่ 11 bcf/d ซึ่งถือเป็นระดับความต้องการที่สูงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความต้องการก๊าซภายในช่วงไม่เกินสามเดือน”
ขาขึ้นในตลาด LNG ไม่กี่วันมานี้ช่วยชดเชยตัวเลขคาดการณ์ความต้องการก๊าซธรรมชาติที่ลดลง