- บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $15,860 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $0.27
สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ของบริษัทดิสนีย์ (NYSE:DIS) คือการเติบโตของยอดผู้สมัครสมาชิกบนบริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ออนไลน์ ‘ดิสนีย์พลัส’ (Disney+) ในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดิสนีย์ต้องสูญเสียรายได้ไปกับการไม่สามารถเปิดกิจกรรมที่ทำกำไรเดิมๆ ได้อย่างเช่นสวนสนุก รีสอร์ท และการฉายภาพยนตร์ในโรงหนัง นั่นจึงทำให้ดิสนีย์พลัสเป็นแหล่งทำกำไรที่เดียวของดิสนีย์ในปี 2020 ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ บริษัทเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) คู่แข่งคนสำคัญพึ่งจะรายงานผลประกอบการไปซึ่งผลที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง บริษัทเน็ตฟลิกซ์มียอดผู้สมัครสมาชิกในช่วงสามเดือนแรกของปี 2021 เพิ่มขึ้นเพียงสี่ล้านคนเท่านั้น ที่สำคัญเน็ตฟลิกซ์ยังบอกอีกว่ายอดผู้สมัครสมาชิกในไตรมาสหน้าอาจจะเหลือเพียงหนึ่งล้านคน นี่อาจจะเป็นปัญหาเดียวกันกับที่ดิสนีย์พลัสต้องเผชิญ
หลังจากที่ดิสนีย์เปิดตัวบริการดิสนีย์พลัสในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 ยอดผู้สมัครสมาชิกก็เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคนภายในระยะเวลาสิบหกเดือน ในเดือนถัดมาดิสนีย์ก็ได้ขยายฐานผู้ใช้งานแอปฯ ตัวเองออกไปยังแคนาดา ออสเตรเลีย ลาตินอเมริกาและสิงคโปร์
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าไม่น่าแปลกใจที่ดิสนีย์พลัสสามารถมียอดผู้ใช้งานได้มากขนาดนี้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะในมือดิสนีย์มีลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ที่สามารถทำรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างเป็นกอบเป็นกำและสามารถทำได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ วอร์ จักรวาลมาร์เวล และพิซาร์ ข้อมูลจากดิสนีย์ในการรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดระบุว่าพวกเขามียอดผู้สมัครสมาชิกเฉพาะในปี 2020 รวมแล้วสองร้อยสี่ล้านคน
คุณภาพของภาพยนตร์ดิสนีย์ก็มีดีกรีที่ไม่อาจดูแคลนได้ ล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง ‘โนแมดแลนด์’ (Nomadland) พึ่งคว้ารางวัล ‘อคาเดมี่ อวอร์ด’ (Academy Award) ประจำปี 2020 ในสาขางานภาพยอดเยี่ยม ในปี 2019 ภาพยนตร์ 'Avengers: Endgame' จากค่าย Marvel ก็สามารถทำลายสถิติภาพยนตร์ทำเงินทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลขึ้นเป็นอันดับที่สองแทนที่ ‘ไททานิค’ (Titanic) อยู่ที่ $2.187 พันล้านเหรียญสหรัฐ
การเติบโตของแอปพลิเคชันดิสนีย์พลัสช่วยหนุนราคาหุ้นของบริษัทรอดช่วงเวลาการแพร่ระบาด ปรับตัวขึ้น 25% ในปีที่แล้ว ถึงช่วงต้นปี 2021 หุ้นดิสนีย์จะยังวิ่งขึ้นมาบ้าง แต่ขาขึ้นนั้นก็เริ่มชะลอตัวมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดหุ้นดิสนีย์มีราคาปิดอยู่ที่ $181.67
การกลับมาของดินแดนแห่งความฝัน
ถึงแม้ว่ายอดผู้สมัครสมาชิกดิสนีย์พลัสลดลงจะถือเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนกังวลอย่างมากในการรายงานผลประกอบการวันพรุ่งนี้ แต่ดิสนีย์ก็ยังปัจจัยบวกอื่นๆ ที่สามารถหนุนการเติบโตได้ภายในปีนี้ ยกตัวอย่างเช่นกำไรที่กำลังจะได้กลับคืนมาจากธุรกิจสวนสนุก การกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพของโจ ไบเดนทำให้สวนสนุกในบางรัฐสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้แล้ว
นักวิเคราะห์จาก UBS ได้ปรับหุ้นของดิสนีย์กลับมาเป็น “เข้าซื้อ” อีกครั้งพร้อมให้เหตุผลว่า
“รายงานผลประกอบการครั้งนี้ของดิสนีย์จะแสดงให้เห็นว่าการทำธุรกิจแบบยิงตรงเข้าสู่ผู้บริโภคของดิสนีย์นั้นมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ที่สำคัญเราเห็นว่าการกลับมาของดิสนีย์แลนด์ในแต่ละรัฐอย่างเช่นฟลอริด้า แคลิฟอร์เนีย และพื้นที่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกานับวันยิ่งมีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ”
สวนสนุกดิสนีย์แลนด์นั้นถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทดิสนีย์ ในระหว่างปี 2013-2017 กำไรส่วนใหญ่ 70% ล้วนแล้วแต่มาจากสวนสนุก แม้แต่ในปี 2019 ก่อนที่โควิดจะระบาด ดิสนีย์แลนด์ก็สามารถทำกำไรให้กับดิสนีย์เพิ่มขึ้น 11%
โดยสรุปแล้ว
ผลกำไรของดิสนีย์ในไตรมาสนี้จะเติบโตขึ้นได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการเติบโตของรายได้จากดิสนีย์พลัสและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ทำให้ธุรกิจที่เคยทำเงินของดิสนีย์กลับมา หากตัวเลขยอดผู้สมัครสมาชิกยังเติบโต ประกอบกับมีรายได้จากธุรกิจที่เริ่มกลับมาแล้วบางส่วน เชื่อว่าหุ้นดิสนีย์จะสามารถหลุดจากกรอบไซด์เวย์และขยับตัวขึ้นต่อในแนวโน้มขาขึ้น