รัฐเปิดทางวัคซีน เปิด Upside กลุ่มรw.
ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่าคาดหวัง Upside มากกว่าผลกระทบ CovID รอบใหม่ จากทั้งความพร้อมของรพ. กอปรกับ ความคืบหน้าวัคซีน รพ.เอกชน เปิด Upside ทั้งรายได้ใหม่ และการระบาดที่กลับสู่ปกติเร็วกว่า คาดลงทุน เท่าตลาด แนะนํา BDMS, PR9 และ BCH
แม้ COVID ระบาดใหม่ แต่น้ําหนักบวกต่อกลุ่มรw.ยังมากกว่า
แม้การระบาด COVID-19 รอบใหม่ อาจสร้าง Downside การฟื้นตัวบ้าง แต่ฝ่ายวิจัยยัง เห็นปัจจัยบวกมีน้ำหนักมากกว่า จากทั้ง 1) ความพร้อมรพ.ที่ปรับตัวดีขึ้น เช่น รายได้ เสริมตรวจ COVID และการบริหารต้นทุนภายใน คาดชดเชยผลกระทบ กอปรกับ 2) รัฐ เริ่มหาแนวทางจัดหาวัคซีนทางเลือกจากรพ.เอกชน ซึ่งคาดจะมีความชัดเจน พ.ค.64 เป็น Upside จากทั้งรายได้บริการวัคซีน และการระบาดกลับสู่ปกติเร็วกว่าคาดUpside สําคัญอยู่ที่สถานการณ์กลับมาสู่ปกติเร็วกว่าคาด
Upside บริการวัคซีน คาดดีต่อกลุ่มที่มีฐานสาขาหลายแห่ง และยิ่งมากขึ้นในกลุ่มที่มี ฐานกําไรไม่สูง โดยจากการศึกษาของฝ่ายวิจัย ผู้ที่ได้ผลบวกมากสุด คือ BCH, BDMS, CHG ตามลําดับ ภายใต้สมมติฐานแบ่งวัคซีนตามส่วนแบ่งตลาดเตียง และกําหนด Net Profit Margin ที่ 15% ตามค่าเฉลี่ยของกลุ่มรพ.ในปีปกติ กําไรจะเพิ่มราวปีละ 6.9% 4.2% และ 3.4% ขณะที่ Upside อีกส่วน คือ อานิสงส์บวกผู้ป่วยไทยที่จะฟื้นตัวดีขึ้น และแนวโน้มเปิดประเทศรับผู้ป่วย Fly-in โดยฝ่ายวิจัยศึกษา Sensitivity analysis คาด ทุกๆ 5% ของรายได้ที่ฟื้นตัว โดยเฉลี่ยจะหนุนกําไร แต่ละบริษัทเพิ่มขึ้นราว 76-8%
เน้น Selective Buy หุ้นที่ยังมี Upside เปิด..BDMS และ PR9
ประเมินบวกต่อกลุ่มฯมากขึ้น ซึ่งอาจหนุนโอกาสเห็นการปรับเพิ่มประมาณการของ ASPS และ Consersus ได้ ลงทุน เท่าตลาด เลือก BDMS (Fva824) และ PR9 (vaB12) เป็น Top picks รองมาแนะเก็งกําไร BCH (FvaB15.8) จากทั้งผลบวกตรวจ COVID และอานิสงส์บริการวัคซีนมากสุด (เครือข่ายหลายแห่ง + ฐานกําไรยังไม่สูง)แม้ CoVID ระบาดใหม่ แต่น้ําหนักบวกต่อกลุ่มรพ.ยังมากกว่าสถานการณ์กลุ่ม รพ. ที่มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว ภายหลังช่วงสุดสัปดาห์ก่อนที่มี การระบาด COVID รอบล่าสุด ฝ่ายวิจัยรวบรวมทั้งสิ้น 2 ประเด็นหลักๆ คือ
1) ผลต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจากกรณีการระบาด COVID-19 รอบใหม่ แม้ส่วนหนึ่งประเมินว่าอาจสร้างแรงกดดันต่อการฟื้นตัวผู้ป่วยไทยในเดือนเม.ย.64 และอาจสร้าง Downside ต่อสมมติฐานประมาณการที่กําหนดการฟื้นตัวผู้ป่วยไทยในปี 2564 กลับสู่ระดับปกติปี 2562 อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมิน Downside ยัง ค่อนข้างจํากัด ทั้งจากความพร้อมของรพ. ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น เช่น การแยกส่วนคัด กรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเป็น COID ออกจากพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยโรคอื่น และการ ใช้ช่องทางอื่นๆ เข้าถึงผู้ป่วย เช่น Telemedicine ที่มีบทบาทมากขึ้น นอกจากนี้ ยัง คาดหวังรายได้ส่วนเสริมบริการตรวจ COMID-19 รวมถึง การบริหารจัดการต้นทุนภายในที่มีประสิทธิภาพขึ้น จะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้
2) ประเด็นสําคัญล่าสุดที่ภาครัฐจะเริ่มมีการหาแนวทางการจัดหาวัคซีนทางเลือก จากรพ.เอกชน เบื้องต้นน่าจะต้องการจัดหาราว 10 ล้านโดส สําหรับการให้บริการ ประชาชนราว 5 ล้านคน โดยจะเป็นการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม คาดจะมีการ สรุปนโยบายภายในช่วงเดือน พ.ค.64 ภาพรวมการให้บริการวัคซีนเป็น Upside ต่อ ประมาณการ ทั้งฐานกําไรเพิ่มขึ้นจากการให้บริการ และโอกาสที่สถานการณ์ระบาด COVID จะกลับสู่ปกติรวดเร็วกว่าสมมติฐาน
Upside สําคัญอยู่ที่สถานการณ์กลับมาสู่ปกติเร็วกว่าคาด
ภาพรวม Upside เรื่องการเปิดทาง รพ. เอกชนร่วมให้บริการวัคซีน COVID แก่ประชาชน ฝ่ายวิจัยประเมินผลบวกที่สูงจะอยู่ในกลุ่มที่มีฐานรพ.เครือข่ายหลายแห่ง หนุน ความสามารถในการกระจายวัคซีน และยิ่งมากขึ้นในกลุ่มที่มีฐานกําไรที่ยังไม่สูง โดยจาก การรวบรวมข้อมูลของฝ่ายวิจัย พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีจํานวนเตียงของรพ.เอกชน รวมราว 3.6 หมื่นเตียง หากกําหนดให้การจัดสรรวัคซีนอิงตามสัดส่วนเตียงต่อจํานวนเตียง รวม และกําหนดการฉีดวัคซีนรวม 5 ล้านคน โดยในส่วนของราคาวัคซีน 8 แห่ง ที่ฝ่ายวิจัย รวบรวม (Pfizer, Moderma, AstraZeneca, Johnson&Johnson, Sputnik, Novavax, Sinovac และ Sinopharm) เบื้องต้นมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ราว 600 บาท/โดส เบื้องต้นหาก กําหนดที่ราคา 1 พันบาท/โดส รวม 2 พันบาท/คน จะมีมูลค่าตลาดวัคซีน COVID-19 สําหรับ รพ.เอกชน รวม 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ สมมติฐานดังกล่าวประเมินเป็นบวกต่อ BCH มากสุด รองมาเป็น BDMS และ CHG ภายใต้สมมติฐาน Net Profit Margin การ ให้บริการฉีดวัคซีนที่ 15% (ระดับเดียวกับค่าเฉลี่ย Net Profit Margin ของกลุ่มรพ.ในช่วง ปกติ) ดังตารางสรุป
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities