ฤดูใบไม้ผลิที่เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ช่างเป็นภาพการฟื้นตัวในฝันของประเทศที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลก ในสภาพอากาศที่ค่อยๆ อุ่นขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่แปลกใจที่เราเริ่มจะได้เห็นปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กที่สามารถขึ้นยืนเหนือระดับราคา $2.50 ได้
นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญในตลาดพลังงานคาดการณ์ตัวเลขปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในช่วงระหว่างวันที่ 29 มีนาคมถึง 2 เมษายนที่จะถูกเปิดเผยโดยสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ในวันนี้ว่าจะออกมาอยู่ที่ 21 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (bcf) หากเป็นไปตามที่ EIA คาด หมายความว่านี่คือสัปดาห์ที่สองที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังเพิ่มขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วปริมาณก๊าซธรรมขาติคงคลังก็เพิ่มขึ้น 14 พันล้านลูกบาศก์ฟุต
ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลต่อราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าบนตลาด New York Mercantile Exchange’s Henry Hub ให้ปรับตัวลดลง 5% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนในตลาดเริ่มรับทราบแล้วว่าช่วงเวลาทองคำของตลาดก๊าซธรรมชาติกำลังจะผ่านไปแล้วเช่นเดียวกับฤดูหนาว
ราคาก๊าซธรรมชาติอาจสูงขึ้นภายในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า
อย่างไรก็ตามมีรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าภายในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าอาจจะยังมีอากาศเย็นพัดผ่านเข้ามาและอาจส่งผลให้มีความต้องการก๊าซธรรมชาติเพื่อเพิ่มความอบอุ่นภายในที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น หากเป็นไปตามที่กรมอุตุฯ คาดการณ์ก็เป็นไปได้ที่ราคาซื้อขายล่วงหน้าของก๊าซธรรมชาติที่ท่าเรือเฮนรี่อาจสามารถรักษาระดับราคาให้ยืนเหนือ $2.50 ต่อล้านบีทียู (mmBtu) ได้
บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนในตลาดพลังงาน ‘Gelber & Associates’ ได้แชร์ความเห็นการวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดก๊าซธรรมชาติในตอนนี้ว่า
“นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2021 เป็นต้นมา ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าบนตลาด NYMEX ก็ได้ปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณห้าเซนต์ แม้อากาศจะอุ่นขึ้นแล้วแต่ก็ยังมีความเย็นสลับสับเปลี่ยนเข้ามาบ้างตลอดเวลา ทำให้ผู้คนยังมีความต้องการก๊าซธรรมชาติเผื่อเอาไว้บ้าง คำว่า ‘เอาไว้บ้าง’ นี่หมายถึงความต้องการก๊าซธรรมชาติประมาณ 30 bcf ที่เคยออกจากตลาดไปอาจจะต้องกลับคืนมา”
บริษัทกิลเบอร์ฯ ยังให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า
“หากปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังสามารถขึ้นถึงเป้า 21 bcf ได้จริง จะเท่ากับว่าสหรัฐอเมริกามีปริมาณก๊าซธรรมชาติสะสมอยู่ในคลังรวมแล้วทั้งสิ้น 1.785 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (tcf)” ซึ่งยังถือว่ามีปริมาณต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี 1.3% และน้อยกว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังภายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 11.6%”
ในความเห็นของกิลเบอร์ มีเหตุผลในเชิงของความสัมพันธ์ระหว่างกราฟราคาก๊าซธรรมชาติกับสภาพอากาศที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมราคาก๊าซธรรมชาติตอนนี้จึงยังอยู่ในแนวโน้มขาลง กิลเบอร์ฯ อธิบายว่า
“ต่อให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังเพิ่มขึ้นจนถึงเป้า 21 bcf ได้ ด็ยังมีแนวโน้มที่จะมีปริมาณก๊าซเพิ่มเข้ามาในคลังอีก เพราะตลาดตอนนี้ได้มองไปถึงช่วงปลายเดือนเมษายนแล้ว ในช่วงเวลานั้นตลาดคิดว่าสภาพอากาศจะเย็นขึ้นมากกว่าตอนนี้ พวกเขาจึงได้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเข้ามากักตุนเพื่อรอใช้ในช่วงเวลาดังกล่าว นั้นจึงเป็นเหตุผลอธิบายได้ว่าทำไมราคาก๊าซธรรมชาติในตอนนี้จึงปรับตัวลดลง”
อากาศอาจเริ่มอุ่นขึ้นในสัปดาห์ที่สามของเมษายน
‘NatGasWeather’ สำนักพยากรณ์อากาศที่เชื่อถือได้แห่งหนึ่งมองว่าระยะเวลาที่ ‘ความเย็นจะมีมากกว่าปกติ’ ที่คาดว่าเข้ามาประมาณวันที่ 14-20 เมษายนจะอยู่ได้นานแค่ไหนยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูไปอีกสักระยะ เพราะมีข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยายุโรประบุว่าลมเย็นตะวันออกของสหรัฐฯ จะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากประเทศไปในวันที่ 21-24 เมษายน
บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลด้านสภาพอากาศ ‘Bespoke’ มีความเห็นสนับสนุนการวิเคราะห์ของ NatGasWeather ว่า
“ช่วงเวลาที่อากาศเย็นจะกลับเข้ามายังสหรัฐอเมริกาอีกครั้งนั้นมีจำกัด จากเย็นกว่าปกติอาจจะได้เข้าสู่อุ่นกว่าปกติด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นความต้องการก๊าซธรรมชาติสำหรับเรายังมองว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก ผู้บริโภคอาจมีการเติมก๊าซธรรมชาติรอเอาไว้ แต่ไม่ถึงกับ ‘ต้องการมาก’ แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับราคา $2.50 ได้”
เทคนิคคอลยังมองก๊าซธรรมชาติอยู่ในขาลง
แม้ข้อมูลจากแห่งข่าวเชื่อถือได้จะมองว่าราคาก๊าซธรรมชาติมีโอกาสปรับตัวขึ้น แต่จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว ในระยะสั้นราคาก๊าซธรรมชาติยังมีโอกาสปรับตัวลดลงอยู่ เครื่องมือ Fibonacci Retracement ระบุว่าก๊าซธรรมชาติในตอนนี้มีแนวรับอยู่ที่ $2.474, $2.454, $2.430 ส่วนแนวต้านกราฟมีอยู่ที่ $2.542, $2.562 และ $2.596 ตามลำดับ